เอกชนหวั่นต้นุทนส่งออกพุ่ง หลังจีนออกกฏจี้โรงงานอาหารแช่แข็ง-ผักผลไม้-อาหารทะเล-หมู-ไก่ ต้องตรวจ RT-PCR พนักงานในโรงงาน 100% ทุก 14 วัน
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เปิดเผยถึงกรณีจีนให้โรงงานอาหารแช่แข็ง-ผักผลไม้-อาหารทะเล-หมู-ไก่ ที่ส่งสินค้าไปจีนต้องตรวจ RT-PCR พนักงานในโรงงาน 100% ทุก 14 วัน หวั่นโควิด ปนเปื้อนว่า จีนจะใช้มาตรการดังกล่าวกับสินค้านำเข้าเพื่อป้องกันโควิดในวันที่ 1 ม.ค.นี้
โดยให้ผู้ส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแช่แข็ง เช่น ผัก, ผลไม้, อาหารทะเล, ไก่, หมู จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายกลางและรายเล็กทันที
สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ใช้วิธี RT-PCR กับพนักงานในโรงงาน มีค่าใช้จ่ายสูง ประมาณ 1,100-3,000 บาทต่อคน ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการส่งออกทำให้ความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดกับประเทศคู่ค้าลดลง
ขณะที่สถานพยาบาลและห้องปฏิบัติการมีความสามารถในการให้บริการตรวจหาเชื้อ-บุคลากรมีจำนวนจำกัด อาจไม่เพียงพอต่อการรองรับมาตรการของจีนได้ และหากมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในผลิตภัณฑ์ประมงแช่เย็นแช่แข็งของไทย จากบริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคม อาจทำให้การแก้ไขปัญหาได้ยากขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกสินค้าประมงของไทยทั้งระบบได้ ดังนั้นจึงอยากให้โรงพยาบาลของภาครัฐช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตรวจโควิด-19 ให้ถูกลง
นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือเเจ้งอย่างเป็นทางการจากจีน กรณีเพิ่มความเข้มงวดให้พนักงาน โรงงานที่จะส่งสินค้าไปจีนต้องตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 100% แต่ มกอช.ได้รับรายงานให้ไทยเพิ่มความเข้มงวดสูงสุดในสินค้าที่ขนส่งผ่านการควบคุมความเย็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าประมงทุกชนิด อาหารกระป๋อง เนื้อแช่แข็ง, ผลไม้, ลำไย และทุเรียนแช่แข็ง