“สารวัตรปุ้ย” ลูกชายพล.ต.อ.จงรัก ส่องานเข้าเต็มๆ เมื่อนายกฯสั่งผบ.ตร.ดำเนินคดี “ผู้ปกปิดไทม์ไลน์โควิด-19” และเจ้าตัวกลับไปยอมรับกับ “หนุ่ม-กรรชัย” พิธีกรช่อง 3 ว่า “โกหกไปงานดีเจมะตูม” เพื่อจะได้ตรวจเชื้อไวๆ จึงให้ไทม์ไลน์จนท.ผิด
เมื่อวันที่ 29 ม.ค.64 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 1/2564 โดยใช้เวลาในการประชุม 30 นาที จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปกปิดไทม์ไลน์ว่า ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ โดยให้พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ไปดำเนินการสอบสวนได้ทันที
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า กฎหมายพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ หากไม่เปิดเผยเป็นความผิด โดยจะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้รับผิดชอบ ว่าจะร้องทุกข์หรือไม่ แต่ยืนยันว่าตำรวจพร้อมดำเนินคดี โดยการปกปิดไทม์ไลน์เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า ตำรวจยศสารวัตรปกปิดข้อมูลด้วยนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะการตรวจสอบเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่สอบสวนโรค บางเรื่องที่เปิดเผย เราต้องการข้อมูลที่เป็นทางการว่าที่ปกปิด เป็นเรื่องอะไร แต่หากเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคยืนยันว่า มีเจตนาปกปิดข้อมูลจริง ต้องดำเนินคดีทุกราย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับตำรวจยศสารวัตรนั้น เป็นที่ปรากฏชัดคือ พ.ต.ต.มงคลรักษ์ จุฑานนท์ หรือ “สารวัตรปุ้ย” สารวัตรสังกัดกองทะเบียนประวัติอาชญากร บุตรชายของพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ อดีตวุฒิสมาชิกและอดีตรองผบ.ตร. โดยเมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Superpukpui Jutanont ระบุว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล ก็รับสายโทรศัพท์ไม่หยุด ทั้งกรมสอบสวนโรค กองกักกันโรค แพทย์ พยาบาลอะไรต่าง ๆ รวมไปถึงหน่วยงานต้นสังกัด สอบถามซักประวัติอย่างละเอียด โดยผมได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้วอย่างละเอียด ซึ่งเรียบเรียงแล้วเสร็จส่ง timeline ไปตั้งแต่วันที่ 23 พร้อมส่งต้นสังกัดงาน และยังมีข่าวช่อง 8 และช่อง one 31 ที่โทรมาถามและเราก็ได้ให้ข้อมูลเดียวกันนี้ไป แต่ข่าวที่ กทม. เอามาชี้แจงทำกราฟฟิคนั้น กลับบอกว่า เราปิดบังข้อมูล”
อีกตอนหนึ่ง พ.ต.ต.มงคลรักษ์ ระบุว่า “การที่เปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์สะดื้อ ๆ แล้วไม่ชี้แจงอะไรเลย ทำให้ผู้ป่วยรายที่ 658 ตกเป็นจำเลยของสังคม ว่าถูกบีบให้เผยไทม์ไลน์บ้าง แก้ไขเปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์บ้างนั้น เป็นเรื่องที่ชอบธรรมแล้วหรือ? ทาง กทม. ควรอธิบายที่มาที่ไปของข้อมูลชุดแรก ที่ว่าปิดบังข้อมูลหน่อยไหม? ว่ามาจากไหน อย่างไร และข้อมูลชุดใหม่ได้มาอย่างไรตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมได้รับข้อมูลช้ากว่าช่องข่าว เหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรชี้แจงหรือไม่?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลางวันที่ผ่านมา ในรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ทางช่อง 3 พิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เปิดเผยว่า ตนได้สัมภาษณ์ตำรวจนายดังกล่าวด้วยตัวเอง ซึ่งทางตำรวจก็ได้ชี้แจงดังนี้ “ไทม์ไลน์ตัวแรกที่บอกว่าไปปาร์ตี้วันเกิดดีเจมะตูมที่โรงแรมบันยันทรีนั้น เป็นเรื่องโกหก แต่ไทม์ไลน์ที่แก้ไขทีหลังนั้นคือของจริง โดยวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนของตำรวจซึ่งไปงานปาร์ตี้ดีเจมะตูม มาหาถึงที่พัก และมีการรับประทานอาหารร่วมกัน หลังจากนั้นในวันที่ 21 ม.ค. เพื่อนของตำรวจก็มาแจ้งว่าติดโควิด-19 ด้วยความที่ตนสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อหรือไม่ และงานของตัวเองต้องพบกับคนจำนวนมาก จึงไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลยังไม่ให้ตรวจ ให้กักตัวไว้ก่อน เนื่องจากมองว่า เป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่สบายใจ จึงไปหาหมอในวันถัดไปอีกครั้ง และโกหกไปว่าไปปาร์ตี้วันเกิดดีเจมะตูม ทำให้ตัวเองมีความเสี่ยงสูง จะได้ตรวจไว ๆ ก่อนพบว่าติดเชื้อจริง เมื่อผลออกมาเป็นบวก ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ก็ส่งไทม์ไลน์ฉบับแรกไปให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานอื่น ๆ อย่างกรมควบคุมโรค จึงเป็นสาเหตุที่ทำไม กทม.ถึงรายงานในตอนแรกว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับปาร์ตี้ แต่พอมีไทม์ไลน์ชุดใหม่ ส่วนนี้ถูกตัดทิ้งและเริ่มต้นวันที่ 15 ม.ค.เลย”
ทั้งนี้ “หนุ่ม-กรรชัย” ระบุด้วยว่า สุดท้ายหลักฐานสำคัญว่าเรื่องนี้จะเป็นยังไง ก็อยู่ที่ภาพวงจรปิดในโรงแรมบันยันทรีนั่นเอง ว่าจะมีภาพตำรวจนายดังกล่าวหรือไม่ หรือถ้าหากคนในงานบอกว่า ตำรวจคนนี้ไปจริง เรื่องก็จบเหมือนกัน อย่างไรก็ดี ก็ไม่แนะนำให้มีการโกหกกัน เพราะมิเช่นนั้นก็จะวุ่นวายกันแบบนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง…
‘สารวัตรปุ้ย’ลูกชายจงรัก รับติดโควิด แต่โวยกทม.ให้ข่าวบิดเบือน
https://thekey.news/news/11912/