“รมช.สาธารณสุข”ตีปี๊ปเชิญชวนคนโสดหาคู่ จัดกิจกรรม 100 คู่ แมทชิ่งปั๊มลูก เร่งแก้ปัญหาระดับชาติอัตราการเกิดต่ำ เพียง1.53% ต่อครัวเรือน
เมื่อวันที่11ก.พ.64 นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในรายการ “กวนข่าว กวนคน” ทางคลื่นวิทยุ FM 102.5 MHz ถึงโครงการไลฟ์บาลานซ์สมาร์ทแฟมิลี่ว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงประสบปัญหาโครงสร้างประชากร อัตราการเกิดต่ำเพียง 1.53% ต่อครัวเรือน เท่ากับว่าครอบครัวๆ หนึ่งคลอดบุตรไม่ถึง 2 คน ซึ่งต่างจากสมัยก่อนอัตราการเกิดปีละ 1 ล้านคน ขณะนี้ลดเหลือ 5 แสนคน
นายสาธิต กล่าวว่า เมื่อก่อนเส้นกราฟจำนวนประชากรแต่ละช่วงอายุของประเทศ จะเป็นรูปเจดีย์ จำนวนข้างบนมีน้อยกว่า คนข้างล่างไปเลี้ยงข้างบน แต่ฉากทัศน์ปี 2583 หรืออีก 30 ปีจะเป็นกราฟแท่งถังเบียร์ ข้างบนข้างล่างเท่ากัน ยังไม่รวมเข้าสู่สังคมภาวะผู้สูงวัย หากปล่อยอย่างนี้ คนวัยทำงานจะไม่มี และไม่มีคนดูแลผู้สูงอายุ ส่งผลให้เป็นภาวะระงบประมาณทุกรัฐบาลมากขึ้น จนมีปัญหาในแง่ไม่มีงบไปดูแล
“จริงๆ ครอบครัวที่ไม่จะมีลูก ในปัจจุบันมีปัญหาหลายมิติในเชิงนโยบาย ปัญหาหลักคือเรื่องเศรษฐกิจ การมีลูกคือค่าใช้จ่าย หลายอย่าง รายได้ที่ดี การศึกษา ความพร้อมคู่สมรส อย่างสามีภรรยาที่ทำงานในโรงงาน เวลามีให้ลูกมีน้อย ยังต้องแบบรับภาะเลี้ยงดูพ่อแม่ตัวเองด้วย จึงมีการประชุมกันมีความเห็นให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการพัฒนาการอนามัยเจริญพันธ์แห่งชาติ ซึ่งหากไม่เริ่มทำปล่อยเวลาไปแบบนี้ จะยิ่งเป็นปัญหาในอนาคตจะเจออย่างที่เราประเมินไว้”นายสาธิต กล่าว
รมช.กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนจึงมีแนวคิดจัดงานให้คนโสด มีการจับคู่กัน รับสมัครคนโสดไปเข้าค่ายและมีรางวัลให้ด้วย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้กัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ปลูกฝังความเป็นเพื่อนกันไป ส่วนแมทชิ่งกันหรือไม่แล้วแต่ว่าคู่ไหนไปสานต่อความสัมพันธ์กันอย่างไร จะมีการเชิญพิธีกร อย่างพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา เข้าร่วมรายการส่วนรูปแบบรายการ มีรายละเอีดยอย่างไรขออุบไว้ก่อน ซึ่งคล้ายรายการในทีวี หลักๆ เชิญคนโสด 100คู่ เข้ามาอยู่รายการจัดงานสองวัน
”ขอเชิญคนโสดที่สนใจสามารถเข้าไปดูในในเว็ปไซส์ เสริซ์คำว่า “วิวาห์” เป็นภาษาอังกฤษ และเสริซ์หาคำว่า ”วิวาห์สร้างชาติ” ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุข มีโครงการใครเป็นคู่สมสร รับกิ๊ฟเซ็ต ยาโฟเรต ยาเป็นประโยชน์กับทารกในครรถ์ อยากให้ทุกภาคส่วนมาช่วยกันคิดเป็นเรื่องซีเรียส จะต้องคิดแก้ไข อย่างประเทศญี่ปุ่นให้ค่าคลอดลูก 20,000 บาท ส่วนของไทย จะนำมาปรับใช้ขึ้นกับจำนวน คนคลอดบุตรแต่ละปี คู่สมสร และงบประมาณในแต่ละปีที่ใช้บริหาร”นายสาธิต กล่าว
