“คำรณ ปราโมช” อดีตบก.อิมเมจ ตอก “ปิยบุตร” สร้างวาทกรรมแตกแยก น่ารำคาญ เหน็บให้สะสมความน่าเกลียดชังไปเรื่อยๆ จนวาระสุดท้าย กางประวัติศาสตร์สอน “ไม่เคยปรากฏว่า กษัตริย์ของชาติใดๆ ในโลกต้องปฎิญาณตน หากแต่จะทรงมีพระราชดำรัส อย่างไร ในวันขึ้นครองราชย์” เท่านั้น
นายคำรณ ปราโมช ณ อยุธยา อดีตบรรณาธิการบริหาร IMAGE MAGAZINE แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า… “นายปิยบุตร (แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า) ออกมาพูดถึงที่จะให้พระมหากษัตริย์ปฎิญานตนต่อหน้ารัฐสภา หรือในที่สาธารณะนั้น ทั้งๆ ที่ทราบว่า ในรัชสมัยของล้นเกล้าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เมื่อครั้งพระราชพิธีสถาปนาตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ในปี ๒๕๑๕ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสถาปนาฯ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ทรงร่วมดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ร่วมกับผู้ได้ร่วมพิธีในครั้งนั้น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารในขณะนั้น ได้ทรงมีพระราชดำรัสถวายสัตย์ปฏิญาณต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ความว่า จะทรงรักษาเกียรติยศและอิสริยศักดิ์ที่พระราชทานไว้เสมอ จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่
พระมหากษัตริย์ไทยมาจากการสืบสันตติวงศ์ ที่เหมือนกันทุกประเทศ ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างอังกฤษก็จะเป็น Prince of Wales หรือ ประเทศอื่นก็ Crown Prince หรือ Crown Princess เมื่อมงกุฎราชกุมาร หรือราชกุมารีเสด็จขึ้นครองราชย์ ก็ไม่เคยปรากฏว่า กษัตริย์ของชาติใดๆ ในโลกต้องปฎิญาณตน หากแต่จะทรงมีพระราชดำรัส อย่างไร ในวันขึ้นครองราชย์
สำหรับราชประเพณีของไทย ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึง รัชกาลปัจจุบันนั้น พระมหากษัตริย์ที่ทรงรับบรมราชาภิเษกแล้ว จะพระราชทาน “พระปฐมบรมราชโองการ”
พระปฐมบรมราชโองการ นับตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลที่ ๑๐ มีเนื้อความเปลี่ยนแปลงมาตามยุคสมัย ซึ่งล้วนแต่แสดง ถึงพระราชปณิธาน ในฐานะทรงเป็นผู้รับพระราชภาระแห่งบ้านเมือง
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขา แก่ประชาชนชาวไทยความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
ที่กล่าวมา ปิยบุตร ย่อมรู้ดี แต่มาพูดเรื่องนี้ เพื่อตอกย้ำเจตนา ความปรารถนาลึกๆ ของตน ที่ใครๆ ก็ทราบดี และต่อให้มีผู้ให้ข้อมูลความจริงตอบโต้นายปิยะบุตรมากมายขนาดไหน
ปิยบุตร ก็ยังคงเดินหน้า สร้างวาทกรรมสร้างความแตกแยก ความน่ารำคาญ สะสมความน่าเกลียดชัง ต่อไปเรื่อยๆ และต่อให้ ไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส กับภรรยาที่แต่งงานไว้ ปิยบุตรก็คงไม่หยุด จนวาระสุดท้าย #วันนั้นที่รอคอย