“ปชป.” ประสานเสียงส่งสัญญาณถึงนายกฯ โควต้ารมต.ควรยึดตามเดิม “จุรินทร์” ย้ำยังไม่ได้คุยเรื่องหาคนมาแทน “ถาวร” ขอเร่งประกันตัวแกนนำ กปปส.ของพรรคก่อน “นิพนธ์” ชี้ถ้าจะเกลี่ยโควต้าใหม่ต้องคุยกันก่อน ว่าเหตุผลรับได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.64 ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่ม กปปส. ถูกดำเนินคดีเนื่องจากชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2556-2557 ว่า ส่วนตัวขอให้กำลังใจทุกคนที่ถูกดำเนินคดี ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดูแลสมาชิกของพรรคที่ถูกดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนตัวไม่สามารถชี้ได้ว่า จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง และผลที่ตามมาหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้ต้องเร่งขอประกันตัวให้ทุกคนได้ออกมาต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป เพราะคดีขณะนี้อยู่ในศาลชั้นต้นเท่านั้น ตอนนี้ต้องทำให้ทุกคนได้รับอิสรภาพก่อน
เมื่อถามถึงกรณีนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ต้องโทษจำคุก และส่งผลให้พ้นจากตำแหน่งทันทีนั้น นายจุรินทร์ ระบุว่า พรรคยังไม่ได้วางแนวทาง ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ส่วนโควตา จะมอบให้กลุ่ม ส.ส. ภาคใดนั้น ยังไม่ขอตอบในรายละเอียด เพราะพรรคมีกระบวนการพิจารณาอยู่แล้ว โดยการพิจารณาตัวรัฐมนตรีนั้น จะพิจารณาในที่ประชุม ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ส่งสัญญาณปรับครม.แต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่กังวลหลังมีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคต้องการขอโควตารัฐมนตรีเพิ่ม มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตามหลักการควรจะจัดสรรโควตารัฐมนตรีเท่าเดิม เหมือนตอนที่ขอร่วมรัฐบาล แต่หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ เพราะนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณาเรื่องสัดส่วนของแต่ละพรรค และตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินใจอะไรได้ยกเว้นในส่วนของพรรคเท่านั้น
ทางด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการตัดสินของศาล ในคดีการชุมนุมของกลุ่มกปปส. ว่า เบื้องต้นก็ต้องเคารพการตัดสินคำพิพากษาของศาล แต่คิดว่าทุกท่านที่ทำไปในขณะนั้น ด้วยเจตนาดีต่อบ้านเมือง ฉะนั้นเมื่อการกระทำอาจจะไปผิดกฎหมายบ้าง เราก็ต้องมาดูและถือเป็นบทเรียน สิ่งที่ต้องเอามาใช้ต่อไป ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ตนยังเชื่อว่าทุกท่านมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง ในสถานการณ์ขณะนั้น
เมื่อถามว่า ได้มีการแจ้งมาในเรื่องการประกันตัวหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ยัง และขั้นตอนทางฝ่ายกฎหมายก็ดำเนินการกันไป และตนคิดว่าวันเดียวกันนี้จะมีการยื่นขอประกันตัว เมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำเป็นต้องยึดเก้าอี้โควตาเดิมหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน ตนคิดว่าต้องรอให้สถานการณ์ชัดเจนและรอให้นายกฯแจ้งในสิ่งเหล่านี้ก่อน เพราะการปรับครม.เป็นอำนาจของนายกฯ
เมื่อถามว่า จำนวนเสียงของพรรคภูมิใจไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ก็ต้องมาดูกันว่ามากอย่างไร ใช้ตัวเลขอะไรเป็นตัวฐานคำนวณ เมื่อถามต่อว่าไม่น่าจะนำเสียงของพรรคอื่นมารวมใช่หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ก็ต้องมาดูเสียงว่าเป็นอย่างไร ตนคิดว่าต้องพูดคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า จะกลายเป็นปัญหาของรัฐบาลหรือไม่หากมีการปรับครม.และต้องมาเกลี่ยตำแหน่งกันใหม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องมาพูดคุยกันว่า เดิมเราคุยกันไว้อย่างไร และถ้าจะเปลี่ยนมีเหตุผลอะไรในการเปลี่ยน ตนคิดว่าเรื่องนี้ต้องมาพูดคุยกัน การเมืองต้องพูดคุย
เมื่อถามต่อว่า หากมีการยึดเก้าอี้ในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์คืน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า “ผมยังไม่บอกว่า ไม่มีปัญหาอะไร ต้องไปดูว่าเดิมคุยกันอย่างไร ฐานเสียงเดิมเป็นอย่างไร” เมื่อถามอีกว่า แสดงว่าให้ยึดคำพูดเดิมที่เคยตกลงกันไว้ใช่หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ควรเป็นอย่างนั้น ตนเพิ่งทราบว่าจะมีเรื่องการปรับเกลี่ยโควตากัน ถ้ามีการเปลี่ยนเกลี่ยกันใหม่ ต้องดูเหตุผลรับได้หรือไม่ ส่วนจะต้องพูดคุยกันในพรรค ก่อนที่จะพูดคุยกับนายกฯก่อนหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ก็ต้องรับสัญญาณก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ในฐานะที่มีรัฐมนตรีของพรรคอยู่ด้วยในกรณีนี้ พรรคก็ต้องเตรียมและพูดคุย ส่วนหากมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของนายนิพนธ์เองก็พร้อมใช่หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ก็ต้องว่ากันตามมติพรรค พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครพูดได้คนเดียวต้องดูมติพรรคเป็นอย่างไร
เมื่อถามอีกว่าในช่วงเวลานี้คิดว่าจะปรับครม.แค่ตำแหน่งที่ว่างหรือควรจะดูให้ครอบคลุมทั้งหมด นายนิพนธ์ กล่าวว่า แล้วแต่นายกฯ เพราะอำนาจในการปรับครม.อยู่ที่นายกฯคนเดียว ส่วนมีการมองกันไปไกลว่าควรมีการยุบสภาฯและเลือกตั้งใหม่ คิดว่าเหตุผลนี้จำเป็นหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าว ตนยังไม่มีความเห็นเรื่องนี้ เพราะตนคิดว่าไม่ใช่ข้อขัดแย้งระหว่างสภาฯกับรัฐบาล