“ลูกเกด ชลธิชา”ชี้หน้าที่ สส.การสร้างสมดุลทางอำนาจระหว่างประชาชนกับรัฐผ่านการตรวจสอบถ่วงดุล หน้าที่ของผู้แทนราษฎร คือ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายได้แลกเปลี่ยน ระบุปม ‘ตะวัน’ พิสูจน์ให้ได้ว่าผิดกฎหมาย-เข้าข่ายองค์ประกอบใด
เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล อดีตแกนนำกลุ่มราษฏร โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และกลุ่มทะลุวัง บีบแตรใส่ขบวนเสด็จจนเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทำกิจกรรม ว่า จากกรณีการแสดงออกของ #ตะวัน และกลุ่ม #ทะลุวัง เรื่องขบวนเสด็จฯ ตามมาด้วยเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงทำร้ายนักกิจกรรมและสื่อมวลชนจากกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มคนปกป้องสถาบันฯ ในเวลาต่อมา ไม่นานหลังเกิดเหตุการณ์ #ขบวนเสด็จ ขึ้น ปรากฏว่านายกรัฐมนตรี นักการเมือง และ ส.ส. จากหลากหลายพรรค ก็รีบออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิง ตำหนิ ตักเตือน แสดงความไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกของประชาชนในทันทีในสังคมที่ความขัดแย้งทางการเมืองฝังรากลึก ในสังคมที่เสรีภาพในการแสดงออกถูกคุกคามให้หดแคบลงทุกเมื่อเชื่อวัน ในสังคมที่ประชาชนถูกกดขี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนอำนาจต่อรองกับรัฐถูกจำกัด
น.ส.ชลธิชา ระบุต่อว่า หน้าที่ของผู้แทนราษฎร คือ การสร้างสมดุลทางอำนาจระหว่างประชาชนกับรัฐผ่านการตรวจสอบถ่วงดุล หน้าที่ของผู้แทนราษฎร คือ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายได้แลกเปลี่ยน แสดงออกซึ่งความคิดเห็น ได้ถกเถียง ได้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสันติ หน้าที่ของผู้แทนราษฎร คือ การต่อต้าน การประณาม และมีส่วนร่วมในการยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในการคุกคามนักกิจกรรม ประชาชน และผู้ที่แสดงออกทางความคิดทุกคน หน้าที่ของผู้แทนราษฎร มิใช่การพิพากษาตัดสิน ด่วนสรุป หรือชี้ถูกชี้ผิด ต่อวิธีการเคลื่อนไหวและการแสดงออกในประเด็นสาธารณะของประชาชนว่ามีลักษณะขาดวุฒิภาวะ ไม่เหมาะสม ไม่น่าพึงพอใจอย่างไร
น.ส.ชลธิชา ระบุต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้นการจะแสดงความคิดเห็นว่าการกระทำใดอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายใดนั้น ต้องสามารถพิสูจน์อ้างอิงให้ได้ก่อนว่าการกระทำนั้นอาจผิดกฎหมายฉบับใดและผิดอย่างไรตามหลักองค์ประกอบของกฎหมาย มิเช่นนั้นแล้ว การแสดงความเห็นเหล่านั้น ก็จะเป็นเพียงการดับเทียนไขให้บรรยากาศแห่งความกลัวในการแสดงออกทางความคิดของประชาชนยิ่งมืดดับขึ้นไปอีก หนำซ้ำยังเป็นการเปิดช่องและสร้างความชอบธรรมให้รัฐใช้กฎหมายเป็นนิติสงครามคุกคามประชาชนอยู่ร่ำไป