“ก้าวไกล” ถอน 2 ร่างกม.ลูกปรับปรุง ปมกู้เงิน หวั่นเปิดช่อง “นายกฯ” ไม่รับรอง คงประเด็นตัดอำนาจศาลรธน.ยุบพรรคห้ามจุ้น พร้อมยื่นรัฐสภาวันนี้ช่วงบ่าย
วันที่ 10 ธ.ค.64 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า หลังจากที่ ส.ส.ของพรรคก้าวไกล เข้าชื่อเพื่อยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.ป.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการรเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ.. และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรคการเมือง (ฉบับที่…) พ.ศ… ต่อตัวแทนของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เมื่อ 24 ธ.ค.64 ทางพรรคได้ขอถอนร่างพ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข หลังจากที่ฝ่ายสภาฯให้คำแนะนำว่า ควรแก้ไขในประเด็นที่มีสาระที่เกี่ยวกับการเงิน เช่น การกู้เงินจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจ ไม่รับรองร่างพ.ร.ป.ฉบับดังกล่าว และทำให้ต้องตกขบวนที่นำเสนอร่างกฎหมายเข้าประกบการพิจารณาของรัฐสภา นอกจากนั้นยังได้แก้ไขเกี่ยวกับการหาทุนของพรรคการเมืองที่เปิดโอกาสให้หาทุนเองได้ และไม่มีข้อบังคับหยุมหยิม เช่น การออกใบเสร็จ สำหรับผู้บริจาค1แสนบาทขึ้นไปเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวจากเดิมที่กำหนดเงินบริจาคที่ต้องมีใบเสร็จ 5,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้พรรคการเมืองเติบโตได้ด้วยประชาชนและความนิยมของประชาชน
นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นการตัดอำนาจยุบพรรคการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันต้องแก้ไข เพื่อให้พรรคการรเมืองเติบโตเป็นธรรมชาติ มีความเข้มแข็ง โดยการเลิกพรรคการเมือง หรือสิ้นสภาพพรรคการเมือง สามารถทำได้ตามเงื่อนไข ไม่แก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้อง,ไม่มีการประชุมใหญ่หรือทำกิจกรรมติดต่อ 2 ปี, มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นต้น เป้าหมายเพื่อให้พรรคการเมืองมีการเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนที่ปรับปรุงเพิ่มเติม คือ การเพิ่มโทษผู้จัดการเลือกตั้ง และกรรมการเลือกตั้ง ที่พยายามกระทำเพื่อช่วยเหลือกลั่นแกล้งผู้สมัคร รวมถึงการครอบครอง หรือเก็บบัตรเลือกตั้งไว้ ซึ่งจะแก้ไขกรณีการทุจริตเลือกตั้ง เช่น การนำบัตรเลือกตั้งไปกาล่วงหน้า
เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายมองว่ากรณีการตัดอำนาจยุบพรรคการเมืองโดยศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้รัฐสภาคว่ำในวาระแรกได้ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ไม่เป็นไร แต่พรคก้าวไกลต้องการปักหมุดความคิด เพราะอำนาจประชาธิปไตยนั้น อำนาจประชาชนใหญ่ที่สุด ดังนั้นการขัดขวางไม่ให้พรรคการเมืองเติบโต จากการใช้ดุลยพินิจของกลุ่มบุคคล ที่แม้มาตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ปฏิเสธออกจากความเชื่อมโยงกับคสช. ไม่ได้ ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ
“พรรคการเมืองควรเติบโตไม่ถูกขัดขวาง จากการตัดสินโดยดุลยพินิจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผมยอมรับว่าการตัดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ยุบพรรค เป็นประเด็นแหลมคม แม้ไม่สามารถเอาชนะกลไกอื่นๆ ได้ แต่ต้องสู้ ให้ประชาชได้เห็น โดยเรื่องนี้คนไม่กล้าพูด แต่พรรคเราต้องพูด เพื่อยืนยีนว่าประชาธิปไตยต้องมาจากกประชาชนแท้จริงไม่ใช่บังคับตามกฎหมาย และตัดขากัน ผ่านดุลยพินิจของคนบางกลุ่ม”นายธีรัจชัย กล่าว และว่า สำหรับการแก้ไขปรับปรุงร่างพ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับนั้นขณะนี้แล้วเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภา เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในช่วงบ่ายวันนี้ (10 ม.ค.) และพร้อมยื่นเสนอต่อรัฐสภาต่อไป