นายกฯกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน SET Government Roadshow 2025 ที่สิงคโปร์ ยืนยันประเทศไทยยังเป็น “ประเทศแห่งโอกาส” ที่มีเสถียรภาพทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ พร้อมเผยโรดแมปการยุบสภาในเดือนมกราคม 2569 และจัดเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2569 เดินหน้านโยบายเศรษฐกิจ “Quick Big Win” สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลก
เมื่อเวลา 15.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสิงคโปร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) วันที่ 7 พ.ย. ที่โรงแรม InterContinental Singapore นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน SET Government Roadshow 2025 ภายใต้หัวข้อ “Confidence in Thailand’s Path Forward”
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้อนความทรงจำถึงช่วงทำงานภาคเอกชนเมื่อกว่า 30 ปีก่อน ซึ่งเคยมีการจัดโรดโชว์ ณ สถานที่แห่งนี้ พร้อมย้ำว่าสิงคโปร์และไทยมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการจัดโรดโชว์เพื่อแสดงศักยภาพและทรัพยากรของประเทศต่อสายตานักลงทุนทั่วโลก ยืนยันว่า “ประเทศไทยยังเป็นประเทศแห่งโอกาส” ที่มีทั้งความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ
นายอนุทินกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีทิศทางการบริหารที่ชัดเจน ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและระบอบประชาธิปไตย โดยรัฐบาลเตรียมโรดแมปทางการเมืองที่จะ “ยุบสภาภายในเดือนมกราคม 2569” และ “จัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคม 2569” รวมถึงการจัดทำประชามติเพื่อปฏิรูปรัฐธรรมนูญตามเจตนารมณ์ของประชาชน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ประเทศเดินหน้าอย่างมั่นคงต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถวางแผนได้ด้วยความมั่นใจ
ในด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงดำเนินนโยบาย Quick Big Win เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรมในระยะสั้น ขณะเดียวกันก็วางรากฐานระยะยาวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยกระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการจีดีพีปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 2.2% เป็น 2.4% ขณะที่การส่งออกในเดือนกันยายนขยายตัวถึง 19%
นายอนุทินย้ำว่า พื้นฐานเศรษฐกิจมหภาคของไทยยังแข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ หนี้สาธารณะอยู่ที่ 64.6% ของจีดีพี ซึ่งยังต่ำกว่าเพดานกฎหมาย พร้อมรักษาวินัยการคลังอย่างเข้มงวด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดประสิทธิผลสูงสุดและโปร่งใส
สำหรับภาคการลงทุน รัฐบาลผลักดันให้ไทยเป็นประเทศที่เอื้อต่อการทำธุรกิจมากขึ้น โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รับคำขอรับการส่งเสริมมากกว่า 2,600 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.37 ล้านล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลกนายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า“ความเชื่อมั่นไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว แต่ต้องสร้างด้วยความน่าเชื่อถือ ความรับผิดชอบ และความยืดหยุ่น ซึ่งไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วจากความมั่นคงทางการเมือง การบริหารเศรษฐกิจอย่างมีวินัย และความร่วมมือข้ามพรมแดน ขอเชิญชวนนานาประเทศและนักลงทุนเดินไปข้างหน้าพร้อมกับประเทศไทยที่มั่นคง โปร่งใส และเปี่ยมด้วยศักยภาพ”





































