ไทยลุยใช้กลไกยูเอ็นหลังทหารบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดที่เชื่อว่าถูก “ฝังใหม่” กัมพูชายังไม่ชี้แจงชัดเจน ไทยเปิดหลักฐานกลางที่ประชุมออตตาวา เร่งผลักดันคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์จากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น สรุปผลการเข้าร่วมประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ “อนุสัญญาออตตาวา” ครั้งที่ 22 ณ สำนักงานสหประชาชาติ โดยย้ำว่าไทยให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดที่เชื่อว่ามีการ “ฝังใหม่” ตามแนวชายแดน ซึ่งไทยได้ร้องขอให้กัมพูชาชี้แจงหลายครั้งแต่ยังไม่ได้คำตอบที่เพียงพอ
นายสีหศักดิ์ ระบุว่า ไทยอดทนกับสถานการณ์นี้มานาน จึงเห็นว่าควรดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นภาคี โดยไทยได้ดำเนินการขั้นต้นแล้วคือการขอคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อกัมพูชายังไม่ตอบสนอง ไทยจึงเตรียมเสนอให้เลขาธิการสหประชาชาติ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เข้ามาช่วยประสานหาทางออกตามบทบัญญัติข้อ 8 ซึ่งเปิดช่องให้จัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ เพื่อให้ได้คำตอบชัดเจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าไทยและกัมพูชาจะต้องให้ความร่วมมือหากมีการตั้งคณะตรวจสอบดังกล่าว
รมว.ต่างประเทศ ยังกล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาไม่มีข้อมูลชี้แจงใหม่ และยังคงยืนยันว่าทุกเหตุการณ์เกิดจาก “การยั่วยุของไทย” พร้อมปฏิเสธว่ามีการฝังทุ่นระเบิดใหม่ ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องเปิดหลักฐานในที่ประชุม รวมถึงเอกสารยืนยันจากคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) และคลิปวิดีโอการใช้ทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งได้จากโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา เพื่อชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
“ทุกครั้งกัมพูชาจะบอกว่าประเทศไทยใหญ่กว่า เหมือนถูกกลั่นแกล้ง แต่ทหารเขาไม่เคยเหยียบกับระเบิดเลย ขณะที่ทหารไทยบาดเจ็บซ้ำๆ ถ้าเขาพูดว่าต้องการสันติภาพก็ต้องแสดงให้เห็นด้วยการกระทำ” นายสีหศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชามีท่าทีเสนอตั้งคณะตรวจสอบร่วม แต่ไทยยังไม่มั่นใจในเจตนา และมองว่าอาจเป็นเพียงการซื้อเวลา อย่างไรก็ตาม ไทยพร้อมพิจารณาข้อเสนออย่างเปิดกว้าง โดยยึดกระบวนการภายใต้อนุสัญญาออตตาวาเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าผลักดันการจัดตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปผ่านกลไกของสหประชาชาติ
เมื่อถามว่า พอใจกับผลการประชุมหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาด้วยตนเองสะท้อนว่าไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อปัญหานี้ และไทยได้ดำเนินการเต็มที่แล้ว แต่กัมพูชายังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ทั้ง 7 ครั้งที่เกิดขึ้น




















