เลขาฯ กกต.รับมีช่องรัฐบาลอยู่ยาว หากสถานการณ์สู้รบยืดเยื้อ ขยายวันเลือกตั้ง นานกว่า 60 วันได้ ต้องติดตาม ประเมินผลใกล้ชิด อิงความสะดวก ปลอดภัย ทุกฝ่าย พร้อมตอบประชามติย่น ย่อ เวลาได้ แต่เป็นไปได้สูงไม่ได้ทำพร้อมเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.68 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการระบุว่า อาจจะมีการขยายการกำหนดวันเลือกตั้งสส. เกินกว่า 60 ทำให้รัฐบาลอยู่ยาว ว่า ดูเงื่อนไขตามกฎหมาย พอมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ทางกกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้ง รวมทั้งเขตเลือกตั้งด้วย นั่นคือภายใน 5 วัน ต้องมีวันเลือกตั้ง
ส่วนสถานการณ์จริงจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน แต่ในทางกฎหมายมีช่องทางในการแก้ไขได้ทุกเรื่อง ที่คนกังวลคือจะกระทบคือกรณีที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าให้กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งตอนนี้มีสถานการณ์สู้รบที่จังหวัดชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ในทางกฎหมายมีทางออกเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว โดยในรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ระบุว่า หากมีเหตุจำเป็น กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เหตุนั้นสิ้นสุดลง นี่คืออำนาจ แต่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น เรายังบอกไม่ได้
เมื่อถามว่า เป็นการขยายทั้งประเทศ หรือเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหา นายแสวง กล่าว่า มาตรา 104 นั้นใช้กับทั้งประเทศ ซึ่งต่างที่ศรีสะเกษ ที่มีการใช้มาตรา 102 เพราะมีเหตุบางหน่วย บางพื้นที่ เป็นการกำหนดวันลงคะแนนใหม่ แต่อันนี้คือการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ทั่วประเทศ เพราะให้การเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
เมื่อถามว่า หากเหตุสู้รบชายแดนยืดเยื้อ ไม่สามารถมีการเลือกตั้งได้ใน 60 วัน ก็ต้องขยายเวลาออกไปอีกหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ต้องดู เวลาที่กกต.พิจารณา เหมือนที่จังหวัดศรีสะเกษ การเลือกตั้งต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริตและเที่ยงธรรม คนที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง คือ กปน. ผู้สมัคร หาเสียง รวมถึงประชาชนผู้มีสิทธิ เราต้องดูความสะดวกและความปลอดภัยของเขาด้วย ซึ่งกกต.ต้องนำมาพิจารณาแล้วจะวินิจฉัยเป็นอย่างไร และข้อเท็จจริงในพื้นที่มีการประเมินสถานการณ์ ผอ.กกต.จังหวัดมีการรายงานมาทุกวันว่าอะไรเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่วันเลือกตั้งอย่างเดียวเท่านั้น แต่หลังมีพระราชกฤษฎีกา แล้วกกต.ประกาศวันเลือกตั้ง จะมีกระบวนการตั้งแต่การรับสมัคร การหาเสียง เราต้องพิจารณาให้หมด
เมื่อถามว่าแปลว่าต้องรอให้เหตุการณ์สงบโดยสิ้นเชิงก่อนถึงจะประกาศวันเลือกตั้งสำหรับทั้งประเทศได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรามีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเราต้องดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความสะดวก ชีวิตและความปลอดภัยของผู้มีสิทธิ์ เราต้องดูทั้งหมด ไม่ควรจะไปที่ใดที่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าอยากเลือกตั้ง แต่เขาไม่สะดวก
เมื่อถามย้ำว่า มีการมองว่าในพื้นที่อื่นที่ไม่มีเหตุรุนแรง ยังจำเป็นต้องรอหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า มีทางออก มีเงื่อนไขทางกฎหมาย ซึ่งเราไม่รู้ และไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์จะจบเมื่อไหร่ แต่ทางออกตามกฎหมาย เป็นทางออกแรกที่เรามีอยู่ ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะทำ นอกจากนี้ยังมีทางออกอื่นอีก คือการลงทะเบียนออกเสียงลงคะแนนล่วงหน้า แล้วเอาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปลงคะแนนข้างนอก ซึ่งเช่นนี้ไม่ต้องเลื่อนก็ได้ ดังนั้นเราต้องประเมินสถานการณ์ก่อน ว่าอะไรจะเกิดประโยชน์กับส่วนรวมมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วัน หลังเหตุสงบ สามารถขยายได้อีกหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ถ้าเอาตามกฎหมาย เหตุสิ้นสุดลง แปลว่า ไม่มีเหตุอีกแล้ว ก็จัดเลือกตั้งได้อยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกว่า ยังมีทางออกอื่น และ กกต.ต้องมีการประเมินสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะจัดการเลือกตั้งในศูนย์อพยพ เลขาฯ กกต. กล่าวว่า เรื่องนี้มีการประชุมกับผู้รับผิดชอบ อย่างกรณีคนพิการจะมีกฎหมายรองรับเป็นการเฉพาะ แต่กรณีศูนย์อพยพไม่มีกฎหมายเฉพาะ ต้องใช้วิธีลงทะเบียน แล้ว กกต.จัดพาหนะพาคนไปลงทะเบียนยังสถานที่ลงคะแนนล่วงหน้า แล้วสุดท้ายก็มีการเลือกตั้งตามกฎหมายสำหรับคนที่ไม่ได้ลงคะแนนล่วงหน้า อันนี้เป็นรายละเอียด แต่อยากให้มั่นใจว่า กกต.จะทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงความสะดวกปลอดภัยของประชาชนและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้หาเสียง
เมื่อถามว่า ระยะเวลาที่ยืดออกไปจะทำให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบของพรรคการเมืองหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ยืดเวลา ตอนนี้ยังเป็นกำหนดตามพระราชกฤษฎีกา แต่เรื่องเวลาเราต้องนำมาคำนวณทุกอย่างเพื่อให้การแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในส่วนของการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญยังสามารถจัดในวันเดียวกับการเลือกตั้งได้หรือไม่ เลขาฯ กกต. กล่าวว่า เอาเวลาตามกฎหมาย กำหนดการเลือกตั้ง สส. ไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60วัน แต่ประชามติ คือทำไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน150 วัน แต่มาตรา 11 ของประชามติระบุว่า เพื่อประหยัดงบประมาณก็สามารถทำให้น้อยกว่า 60 วันได้ จึงต้องมาดู ซึ่งจริงๆ น่าจะใช้เวลามากกว่า เพราะต้องอย่างน้อยงานธุรการต้องมีการพิมพ์ประเด็นแจกผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อทำความเข้าใจ รวมถึงจัดเวทีแสดงความคิดเห็นที่คงมีหลายรูปแบบ ต้องมาดูว่ากิจกรรมของประชามติที่กฎหมายกำหนด แต่ละกิจกรรมนั้นขั้นต่ำกำหนดไว้แค่ไหน ซึ่งกกต.ทำได้อยู่แล้ว แต่จะเพียงพอสำหรับประชาชนในการทำความเข้าใจรายละเอียดหรือไม่ ซึ่งถ้าคำนวณขั้นต่ำ 40-50 วัน แต่กระบวนการประชามติยังไม่ได้เริ่มเลย ทั้งๆ ที่เวลาของการเลือกตั้ง สส.เดินหน้านับ 1,2,3 แล้ว แต่ประชามติยังไม่ได้แจ้งมายังกกต.เลย จะแจ้งวันไหนก็ยังไม่ทราบ ดังนั้นจะทำร่วมกันวันเดียวเลยนั้นจึงยังตอบไม่ได้
นายแสวง กล่าวด้วยว่า การประชุมในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.นี้ จะเป็นเรื่องของการแบ่งเขต วันอังคารจะเป็นเรื่องการประกาศกำหนดวันรับสมัครรับเลือกตั้ง และวันเลือกตั้ง และหลังจากนั้นกฎหมายให้เป็นอำนาจของกกต.ในการพิจารณาเลื่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์มาตลอดและฟังข้อมูลตลอด เหมือนกรณีการเลือกสส.แทนตำแหน่งที่ว่าง กกต.ต้องฟังข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคง ประชาคมหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งทุกวันนี้ก็เริ่มฟังแล้ว ตอนนี้จึงยังตอบอะไรไม่ได้ ว่าระยะเวลาที่จะประกาศนั้นเป็นเมื่อไหร่ แต่ต้องเป็นเหตุตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่า อยู่ดีๆ กกต.ไปประกาศเลื่อนเลย เราประเมินสถานการณ์วันต่อวัน อย่างไรก็ตามมันมีทางออกทุกเรื่อง อยู่ที่กกต.พิจารณา เช่น จะใช้มาตรมา 104 หรือ จะบริหารเฉพาะสถานการณ์นั้นเป็นพื้นที่พิเศษ ก็มีกฎหมายให้ทำอยู่ โดยกกต.ต้องชั่งน้ำหนักว่า มันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ซึ่งกรณีไม่สามารถใช้มาตรา 102 ของพ.ร.ป. การเลือกตั้ง สส. ซึ่งให้เลื่อนวันลงคะแนน เพราะจะทำให้การเลือตั้งทั่วประเทศไม่ใช่วันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามตอนท้ายว่า กรณีเช่นนี้จะทำให้ถูกร้องเป็นโมฆะหรือไม่ นายแสวง ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว.



















