ผลสำรวจสวนดุสิตโพลสะท้อนมุมมองประชาชนต่อการเมืองไทยปี 2568 ภาพรวมทรุดลงกว่าปีก่อน ความกังวลหลักอยู่ที่การจัดการภัยพิบัติและเศรษฐกิจ ขณะที่ผลงานที่จับต้องได้ยังเป็นปัจจัยชี้ขาดการตัดสินใจเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.68 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “การเมืองไทยในปี 2568” จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,194 คน สำรวจทั้งทางออนไลน์และภาคสนาม ระหว่างวันที่ 9–12 ธันวาคม 2568
ผลการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างมองภาพรวมการเมืองไทยตลอดปี 2568 แย่ลง ร้อยละ 55.53 โดยประเด็นที่ทำให้รู้สึกกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมืองมากที่สุด คือ การจัดการภัยพิบัติที่ไม่เป็นระบบ เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว ร้อยละ 67.59
เมื่อพิจารณาความคิดเห็นต่อพรรคการเมืองไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 59.05 มองว่าพรรคการเมืองยังคงเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประชาชน
ในส่วนของปัจจัยจากการทำงานของพรรคฝ่ายรัฐบาลตลอดปี 2568 ที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน พบว่า สิ่งที่ประชาชนให้ความสำคัญมากที่สุด คือ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพได้จริง ร้อยละ 56.28
ขณะที่การทำงานของพรรคฝ่ายค้าน ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน คือ การตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ร้อยละ 64.07
สวนดุสิตโพลชี้ประชาชนอยากเห็นผลงานจริง
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมองการเมืองไทยในภาพรวมแย่ลง โดยมีปัญหาการจัดการภัยพิบัติและปัญหาเศรษฐกิจเป็นตัวเร่งความกังวลสำคัญ ขณะเดียวกัน ประชาชนยังเห็นว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังทำงานเพื่อประโยชน์ของตนเองมากกว่าประชาชน
ทั้งนี้ หากมีการเลือกตั้ง ปัจจัยชี้ขาดการตัดสินใจของประชาชนจะอยู่ที่ผลงานที่จับต้องได้ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานพื้นฐานของการบริหารประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลอดปี 2568 ประชาชนยังเห็นภาพผลงานดังกล่าวไม่ชัดเจน และต้องการเห็นการทำงานที่เป็นรูปธรรมมากกว่าการเล่นเกมการเมืองกันไปมา
นักวิชาการชี้ประชาชนเบื่อบรรยากาศการเมือง
ด้าน ผศ.สรศักดิ์ มั่นศิลป์ รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า จากผลโพลของสวนดุสิตโพล พบว่า ประชาชนมองภาพรวมการเมืองไทยตลอดปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 ในอันดับหนึ่งคือแย่ลง สะท้อนว่าประชาชนอาจมีความเบื่อหน่ายหรือไม่พอใจกับบรรยากาศการเมืองที่เป็นอยู่
สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นในอำเภอหาดใหญ่ ส่งผลให้ประชาชนรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมืองในประเด็นนี้มากที่สุด
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเห็นว่าพรรคการเมืองยังคงเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าการทำเพื่อประชาชน ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนให้พรรคการเมืองหันมาให้ความสำคัญกับประชาชนมากขึ้น
สำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพให้ได้จริง เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้พรรครัฐบาลดำเนินการมากที่สุด และจะส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ดังจะเห็นได้ว่านโยบายอย่าง “คนละครึ่ง” เคยได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จ
ขณะเดียวกัน การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ส่วนใหญ่ต้องการเห็นการตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งพรรคฝ่ายค้านสามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้ดี จนถึงขั้นที่รัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภาในที่สุด



















