“การเมืองใหม่ที่จู่ๆ ไปหลงเชื่อการเมืองเก่า” ชูวิทย์”โพสต์เตือนพรรคส้มอย่าหาว่าคนแก่สอนสังฆราช หลังเห็นบทเรียนราคาแพงจากการขานชื่อหนุนอนุทิน เตือนสติถ้ายังเดินเกมการเมืองแบบ “มือใหม่หัดขับ” สุดท้ายประเทศจะย่ำต๊อกอยู่กับของเก่าที่แย่กว่าเดิม
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.68 นายชูวิทย์ กมลวิศิฏฐ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ความย้อนแย้งของการเมืองใหม่
คนรุ่นใหม่ที่อยากเห็น “การเมืองใหม่” มักบอกว่า
หากยังคิดยึดติดการเมืองแบบเก่า จะเปลี่ยนประเทศได้อย่างไร?
ผมไม่มีอำนาจอะไรไปบังคับให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงเชื่อฟังผมได้
แต่ผมกลับเห็น “การเมืองใหม่” อย่างพรรคส้ม ไปสนับสนุน “การเมืองเก่า“ อย่างพรรคน้ำเงินเสียเอง
หาใช่คนการเมืองเก่า ที่คุณชี้หน้ามาทางผม
มันใช่ไหมที่พวกการเมืองใหม่อย่างพรรคส้ม ไปโหวตขานชื่อคุณอนุทิน ให้เป็นนายกฯ เต็มปากเต็มคำเอง
และผมเป็นคนแรกๆ ที่เตือน “ไอเดียบรรเจิด“ ของพวกการเมืองใหม่เสียด้วยซ้ำ
เลยไม่รู้ว่านี่มันการเมืองเก่า การเมืองใหม่ หรือการเมืองมั่ว
ก็เพราะว่าการเมืองใหม่อย่างพวกคุณถูกหลอกไง
ช่วยกรุณาจำไว้ด้วยเผื่อวันหน้าจะถูก “คนแก่” หลอกอีก
หากคุณเก่ง คุณทำได้อย่างที่ฝัน ผมยิ่งยินดี จะไปขัดแย้งกับพรรคส้มเรื่องอะไร
ถึงผมแก่ แต่ไม่ได้ปัญญาอ่อน
ไอ้การเมืองใหม่ที่ใฝ่ฝันหา ช่วยระวังตัวไว้หน่อยก็ดี
เพราะเมื่อประกาศว่า ”ไม่เอาพรรคน้ำเงิน“ ไม่ไปผสมพันธุ์ร่วมกับการเมืองเก่าจัดตั้งรัฐบาลแบบเดิมๆ
สมัยหน้าจะเห็นการเมืองเก่าเป็นรัฐบาลเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน
แล้วพรรคส้มก็ยังคงเป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิมอีก
พวกคุณอาจบอกว่า “ยินดีเป็นฝ่ายค้าน“
แต่หากเป็นอย่างนั้น พวกการเมืองใหม่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างที่ฝันกลางวันไว้?
สักพักก็จะตื่นขึ้นมาพบกับความจริงว่า ประเทศยัง ย่ำต๊อกอยู่กับการเมืองเก่าที่กุมอำนาจ
แถมพรรคส้มจะโดนสอยไปยกพวงด้วย “นิติสงครามของคนแก่” ในเร็วๆ นี้อีก
การเมืองเก่าจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยน้ำมือของการเมืองใหม่ที่อ่อนหัด สมนาคุณเป็นคนสนับสนุนโดยไม่รู้ประสีประสา
คุณช่วยจำไว้ด้วยว่า พรรคส้ม และมือใหม่หัดขับเป็นผู้สนับสนุนพรรคน้ำเงินให้แข็งแกร่งแบบนี้ขึ้นมาเอง
หาใช่คนการเมืองเก่าคนใดไม่
ยิ่งผมไปคัดค้านตักเตือน “วิธีการของการเมืองใหม่” ที่ไม่ทันการเมืองเก่า กลับมาด่าผมเสียอีก
ทั้งที่คนเก่าๆ แบบผมนี่แหละคอยเตือนไว้ก่อน เพราะหวังดี
เมื่ออยากเปลี่ยน ก็อย่าไปถูกหลอกอีกแล้วกัน
พวกที่ชอบคิดว่า คนแก่อย่างผมคิดการเมืองแบบเก่าๆ ควรจะขอบคุณผมด้วยซ้ำที่คอยเตือนพรรคส้มมาตลอด
วันที่พรรคส้มแอบไปตกลงกับพรรคน้ำเงิน ช่วยบอกประชาชนหน่อยสิครับว่าคิดไปได้ยังไง?
การเมืองใหม่ที่จู่ๆ ไปหลงเชื่อการเมืองเก่าอย่างพรรคน้ำเงิน ทำให้เติบโตพรวดพราดมาเป็นคู่แข่งตัวเองไปเสียฉิบ
แล้วยังจะมาบอกว่า “จะไม่มีการขานชื่ออนุทินอีกเป็นครั้งที่สอง”
ทั้งที่ความจริงไม่ควรขานตั้งแต่ครั้งแรกแล้วเสียด้วยซ้ำ
อย่างนี้เลยงงว่า ใครกันที่ “ย้อนแย้ง” กับความคิดความฝันเรื่องการเมืองใหม่ของพรรคส้ม
มันตลกนะครับการเมืองไทย การเมืองที่อยากได้ของใหม่ แต่ทำไปทำมา
กลับไปได้ของเก่ากว่าเดิม



















