“สมชัย”รู้ทันรัฐบาลหวังยืมมือกฤษฏีกา-รัฐสภา ล้มนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ถามกลับกู้เงินมาแจกเพื่อใคร ลั่นเลิกดันทุรังเถอะ
วันที่ 12 พ.ย.66 นายสมชาย แสวงการ สว.ได้โพสต์ข้อความกรณีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาลเพื่อไทย ว่า
“#กู้มาแจก #รู้ทันแจกเงินดิจิทัล #เพื่อใคร #หวังยืมมือสภาศาลคว่ำ” เอกสารประกอบนโยบายที่ พรรคเพื่อไทย ยื่นชี้แจงต่อ กกต. ว่า ที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 560,000 ล้านบาท โดยจะใช้การบริหารงานงบประมาณปกติ และการบริหารระบบภาษี ได้แก่
1.ประมาณการรายได้ปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 260,000 ล้าน
2.ภาษีที่ได้เพิ่มขึ้น 100,000 ล้าน
3.การบริหารจัดการเงินกู้ 110,000 ล้าน
4.การจัดการงบประมาณสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 90,000 ล้าน
แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต (1)
สรุปว่า ที่มาของเงินไม่ใช่การดำเนินการตาม 4 ข้อข้างต้น หากแต่ชัดเจนว่าเป็นการกู้มาแจก” #กู้มาแจก โดยการออกพ.ร.บ.เงินกู้ 600,000 ล้านดังกล่าว ซึ่งไม่ตรงกับรายงานที่เคยแจ้งไว้เป็นหลักฐานต่อ กกต. ดังนั้น เป็นเรื่องที่ กกต. คงจะต้องตรวจสอบอีกครั้งให้ชัดเจน ว่า เข้าข่ายผิดกฎหมายใดบ้างทั้งที่มาของเงินไม่เป็นตามที่แจ้งต่อ กกต. หรือจะเข้าข่าย “สัญญาว่าจะให้หรือไม่”
การเลือกวิธีการจะตราเป็นกฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินตามมาตรา 53 ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 140 นั้น อาจทำได้ แต่ก็หาใช่ว่า กฎหมายมาตรา 53 นี้จะอนุญาตให้ทำได้ทุกกรณี
เพราะมีเงื่อนไขกำกับไว้ชัดเจนว่า ให้ทำได้โดยมี 4 เงื่อนสำคัญคือ
1)เร่งด่วน 2)ต่อเนื่อง 3)เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ 4)ไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน
*สรุปว่า ไม่เข้าเงื่อนไขใดๆเลย ทั้งเรื่องความเร่งด่วน หรือความต่อเนื่อง
เพราะจ่ายเงินออกครั้งเดียว 5 แสนล้านไม่ต่อเนื่อง มีที่ต่อเนื่องคือการต้องใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย
หรืออ้างว่า เพื่อแก้วิกฤตประเทศ ข้อเท็จจริงก็ไม่ได้มีวิกฤตร้ายแรง เช่นสงคราม/โรคระบาดโควิด/วิกฤติต้มยำกุ้ง ฯลฯเมือนอดีตที่ผ่านมา
ส่วนข้ออ้างที่ไม่อาจตั้งพ.ร.บ.งบประมาณทัน ยิ่งเห็นชัดครับว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ยังไม่ผ่านเข้าสภาเลย จะอ้างว่า ตั้งงบประมาณไม่ทันได้อย่างไร
เว้นแต่จะตั้งไม่ได้ผิดในหลักสำคัญคือ บริหารจัดการตัดลดงบประมาณไม่ได้และไม่อาจเพิ่มโครงการเข้าไปรวมในพ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ได้
*เพราะจะเพิ่มงบประมาณปี 67 มากขึ้นสูงกว่า 4 ล้านล้านบาท
“ด้วยเหตุนี้เมื่อจะผลักดันทุรังทำต่อจึงต้องแตกออกเป็นพ.ร.บ.งบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาทและพ.ร.บ.เงินกู้ 6 แสนล้านบาท ”
ลึกๆแล้ว คงมีการคาดหวังอาศัยให้คณะกรรมการกฤษฎีกา รัฐสภา สส. สว.ศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยโต้แย้งและล้มนโยบายแจกเงินดิจิทัลนี้
ด้วยการคว่ำร่างพ.ร.บ.เงินกู้นี้แทน
เหตุเพราะนโยบายที่เคยหาเสียงแล้วทำไม่ได้จริงกระมัง
#เลิกดันทุรังเถอะ