วันจันทร์, กันยายน 30, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSนายกฯเชิญ“สี จิ้นผิง”เยือนไทย ครบรอบสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯเชิญ“สี จิ้นผิง”เยือนไทย ครบรอบสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี

นายกฯ เชิญ ‘สี จิ้นผิง’ เยือนไทยครบรอบสัมพันธ์ 50 ไทย-จีน ขอเพิ่มไฟลต์บินเข้าไทยหลังหายช่วงโควิด หวังวีซ่าฟรีกระตุ้นท่องเที่ยวสองประเทศ

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า ได้มีการพูดคุยกันหลายมิติ ซึ่งเมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) ก็ได้มีการเซ็นสัญญากับ นายปานปรีย์ พหิธทานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าฟรี ที่ไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทางของทั้งสองประเทศ โดยจะเริ่มต้นวันที่ 1 มี.ค.นี้ ถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เป็นความไว้วางใจที่สองประเทศมีให้กัน มิตรภาพที่มีต่อกันมาก็จะครบ 50 ปีในปีหน้านี้ และถือเป็นมิติที่ดีที่จะสนับสนุนการไปมาหาสู่กัน อีกทั้งแน่นอนว่าการท่องเที่ยวถือเป็นความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างสูง ขณะเดียวกับนายหวัง อี้ ยังบอกว่าประเทศจีนมีวัฒธรรมที่หลากหลาย อยากให้คนไทยไปที่นั่น ตนก็บอกว่าเราสนับสนุนการเดินทางไปมาของประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันถึงจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับเข้ามาสู่จำนวนปกติตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดที่มีจำนวน 2,000 ไฟลท์ ปัจจุบันมีแค่ 1,200 ไฟลท์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการยกระดับให้ไปมาหาสู่กันสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งตนมั่นใจว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสูงขึ้น ประเทศไทยก็จะได้ไปท่องเที่ยวจีนถือเป็นผลดีของทั้งสองประเทศ

นายเศรษฐา กล่าวว่าประเทศไทยยืนยันเจตนารมณ์ให้การสนับสนุนการเป็นประเทศกลางที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีนคุยกันอย่างหลายมิติ ซึ่งต่อไปก็ยินดีให้การสนับสนุนในการเจรจาลักษณะนี้เกิดขึ้น ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเองก็ระบุว่า ตอนที่มีดำริว่าจะมีการพูดคุยกัน ก็ระบุว่าต้องเป็นประเทศในเอเชีย ทางจีนก็บอกเองเลยว่าต้องเป็นประเทศไทย ซึ่งบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดี มีมิตรไมตรีจิตที่ดีต่อกันมาโดยตลอด อีกทั้งถือเป็นการประชุมประวัติศาสตร์ครั้งแรกๆ เลยก็ว่าได้

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า เรื่องของการค้าระหว่างประเทศ ก็ได้มีการพูดคุยในหลายมิติ ทั้งเรื่องการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่แค่เรื่องรถยนต์อีวีอย่างเดียว ยังมีเรื่องรถไฟความเร็วสูงที่จะใช้เส้นทางผ่านจังหวัดหนองคายมุ่งหน้าไปยังประเทศจีน และยังมีเรื่องปัญหาเล็กน้อยคือเรื่องศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าก็มีการพูดคุยกัน รวมถึงเรื่องการค้าขายด้านเกษตรกรรมทั้งการค้าโคที่ประเทศจีนต้องการอย่างมาก แต่ด่านกักกันตรวจเชื้อโรคอยู่ที่ประเทศลาว ว่าทำให้การค้าไม่ค่อยสะดวก

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่าในที่ประชุมยังมีการคุยกันเรื่องหมีแพนด้า หลังประเทศไทยเคยมีแต่ปัจจุบันนั้นไม่มี และตนได้ไปดูในทวิตเตอร์ว่าประเทศที่มีหมีแพนด้านั้นเขามีกันกี่ตัวไล่ลงมาหลายประเทศแต่ประเทศไทยนั้นมีศูนย์ตัว ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนที่ดี ถึงความสัมพันธ์ด้านการทูตอย่างดีกับประเทศจีนตลอด 50 ปี ก็ได้เรียนขอกับนายหวัง อี้ ไปท่านก็ยินดี และเราจะมีหมีแพนด้ากลับมาอีกครั้งที่สวนสัตว์เชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องแลนด์บริดจ์ที่ทางนายหวัง อี้ เอ่ยขึ้นมาเองว่าประเทศจีนมีความสนใจ แต่ว่าต้องขอข้อมูลเพิ่ม รวมถึงภาคเอกชนก็มีความสนใจมีส่วนร่วม เพราะเขาทราบดีถึงเหตุผลหลักที่เราควรจะมีโครงการนี้ เพราะการลงทุนที่มีจากประเทศจีนหลายปีหลัง บริษัทใหญ่ในจีนเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในเมืองไทย และจะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออก ดังนั้นเราต้องมีท่าเรือน้ำลึก จะต้องมีโครงการเมกะโปรเจกที่จะมาซัพพอร์ตส่วนนี้ด้วย และทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็จะเดินทางไปทำโรดโชว์ที่ประเทศจีนด้วย

เมื่อถามว่าหากเป็นไปตามที่กล่าวข้างต้น มูลค่าทางการค้าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ นายเศรษฐา บอกว่าตนคาดเดาไม่ได้ แต่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนี่คือจุดเริ่มต้น เรามีความสัมพันธ์อันดีกันอย่างยาวนาน ขณะที่ปีหน้าก็ครบ 50 ปีด้วย ตนก็ได้เรียนเชิญ นายสี จิ้นผิงประธานาธิบดีฯ ให้มาเยือนประเทศไทย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img