รมว.มหาดไทย ย้ำยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการตัดงบท้องถิ่น 4.2 หมื่นล้านบาท ระบุขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของ “พิชัย ชุณหวชิร” พร้อมเผย หากงบไม่เข้าเงื่อนไข ต้องพิจารณานำไปใช้ให้ตรงเป้าหมาย ยืนยันพร้อมดูแล อปท. ในฐานะองค์กรสำคัญที่ดูแลประชาชน
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีการพิจารณาทบทวนงบประมาณโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มจะโยกงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 4.2 หมื่นล้านบาท ว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน
“ขึ้นอยู่กับว่าคณะกรรมการจะพิจารณาอย่างไร โดยเฉพาะในประเด็นที่มีการถกเถียงกันมายาวนาน ซึ่งนายพิชัยได้รายงานในการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ว่าจะต้องนำมาทบทวน หากโครงการใดไม่เข้าเงื่อนไขหรือไม่ได้สอดคล้องกับเป้าหมายของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็อาจต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายภูมิธรรมกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากงบประมาณส่วนนี้ของท้องถิ่นถูกตัดทั้งหมด จะกระทบขวัญกำลังใจของผู้บริหารในพื้นที่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบในการจัดหาทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการทำงานขององค์กรท้องถิ่นให้ได้
สำหรับกรณีที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยแสดงความกังวลในการประชุม ครม. ว่ามีการโยกงบกระตุ้นเศรษฐกิจไปให้บางจังหวัด แต่กลับถูกใช้ในลักษณะอื่นนั้น นายภูมิธรรมชี้แจงว่า นายเดชอิศม์เพียงตั้งคำถามถึงความชัดเจนของการใช้งบประมาณ ซึ่งหากพบว่าไม่ได้เป็นงบเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง ก็ถือเป็นความบกพร่องของผู้ที่เคยเสนอเรื่องในรอบก่อน และต้องเป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไข
เมื่อถามว่าในฐานะ รมว.มหาดไทย จะดำเนินการอย่างไรหากต้องเผชิญกับการตัดงบก้อนใหญ่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า หากมีการตัดงบจริง หน้าที่ของตนคือการชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมหาทางออกเพื่อให้การทำงานของ อปท. เดินหน้าต่อได้ เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือเป็นกลไกสำคัญในการดูแลประชาชน
ในช่วงท้าย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการพิจารณาริบงบครั้งนี้ อาจมีสาเหตุจากหนังสือเตือนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เคยแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด และเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในการพิจารณา.
