อธิบดีกรมชลฯเผยสร้างคลองผันน้ำคลองบางสะพาน แล้วเสร็จปี 63 ช่วยลดน้ำท่วมทางสัญจรลงภาคใต้ บรรเทาปัญหาน้ำท่วมให้ชาวบางสะพาน หลังมีฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอบางสะพาน ไม่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งหรือท่วมขังในพื้นที่ และน้ำระบายลงสู่ทะเลได้เร็วขึ้น
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมชลประทาน ได้ก่อสร้างคลองผันน้ำคลองบางสะพาน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอบางสะพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศอำเภอบางสะพานมีความลาดชันบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ และเป็นที่ราบสลับที่ดอนบริเวณพื้นที่ตอนล่าง เมื่อเกิดภาวะฝนตกหนักและต่อเนื่องหลายวันในช่วงฤดูฝน น้ำจะไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ตอนล่างก่อนไหลออกสู่ทะเล
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา สภาวะน้ำท่วมเริ่มรุนแรงขึ้นด้วยสาเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาทิ คลองธรรมชาติแคบ ตื้นเขิน มีการขยายของตัวเมือง เส้นทางคมนาคม การเปลี่ยนแปลง การใช้ประโยชน์ที่ดิน ตลอดจนสิ่งก่อสร้างรุกล้ำทางน้ำ ทำให้เป็นอุปสรรคและกีดขวางการไหลเวียนของน้ำ น้ำไหลระบายไม่ทัน เอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมพื้นที่ราบลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนเมืองบางสะพาน สร้างความเดือดร้อนและก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาวอำเภอบางสะพานทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นมูลค่ามหาศาล แม้ว่าก่อนหน้านี้กรมชลประทาน จะได้ทำการขุดลอกพร้อมก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในคลองบางสะพาน ห้วยเขาม้าร้อง และคลองปัตตามังแล้วเสร็จ เมื่อเดือนกันยายน 2551 แล้วก็ตาม แต่ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายออกสู่ทะเลได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
นายประพิศ กล่าวว่า ขณะนี้โครงการคลองผันน้ำคลองบางสะพาน อำเภอบางสะพาน ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี2563 เป็นงานขุดลอกคลองระยะทางประมาณ 530 เมตร ลึก 6 เมตร ขนาดคลองผันน้ำกว้าง 30 เมตร สามารถระบายสูงสุดที่ 520 ลบ.ม./วินาที โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองบางสะพาน คลองผันน้ำได้ทำหน้าที่ในการรับน้ำและระบายน้ำหลากให้ไหลลงสู่ทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนตัวเมืองบางสะพาน ในรอบหลายปีได้อย่างดี ทั้งยังช่วยลดพื้นที่น้ำท่วมในเขตอำเภอบางสะพานได้ถึง 4,894 ไร่ ชาวบ้านได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น 1,640 ครัวเรือน ที่สำคัญยังช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางหลักใช้ในการคมนาคมที่สำคัญเพียงเส้นเดียวที่จะเดินทางลงสู่ภาคใต้อีกด้วย เป็นการยกระดับชีวิตของราษฎรในพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด