“พูนพงษ์” เผยส่งออกงไทยเดือนมิ.ย. 68 มีมูลค่า 28,649.9 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 15.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 แรงหนุนจากการชะลอการใช้มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ผู้นำเข้าในสหรัฐฯ เร่งนำเข้าสินค้าจากไทย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย. 2568 มีมูลค่า 28,649.9 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ที่ 15.5% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 15.6% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 27,588.2 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.1% ดุลการค้า เกินดุล 1,061.7 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยหนุนที่ทำให้การส่งออกเดือน มิ.ย.ขยายตัวมาจาก การชะลอการใช้มาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้นำเข้าในสหรัฐฯ เร่งนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้นเพื่อปิดความเสี่ยงด้านราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเติบโตได้ดี ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล
ขณะที่สินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะผลไม้สดและแช่แข็งฟื้นตัวกลับมาได้ดีในเดือนนี้ เช่นเดียวกับ มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม น้ำตาลทราย ไก่แปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง ต่างขยายตัวในเดือนนี้
โดยภาพรวมการส่งออกครึ่งแรกของปี 2568 การส่งออก มีมูลค่า 166,851.9 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 166,914.1 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.6 % ดุลการค้า ขาดดุล 62.2 ล้านดอลลาร์
สำหรับการส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวดี โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน ที่ได้รับปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากการเร่งนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้าก่อนที่มาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ ส่วนเดือน ก.ค.คาดว่าการส่งออกของไทยจะชะลอตัวลง แต่ยังเป็นบวก ซึ่งการส่งออกไทยปีนี้ยังขยายตัวได้ตามเป้า 2-3 % โดยเฉลี่ยต้องส่งออกเดือน 23,300-23,800 ล้านดอลลาร์
ด้านแนวโน้มการส่งออกครึ่งหลังของปี 2568 การดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลต่อการค้าไทยและโลกอย่างมีนัยสำคัญ ผลของการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีต่างตอบแทนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 68 เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อทิศทางการค้าระหว่างประเทศในอนาคตของไทย
โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่ที่เปิดตลาดมากขึ้นให้กับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ซึ่งได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี คาดว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีที่เหมาะสม และยังสามารถแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นในภูมิภาคได้ ในระยะยาวการสร้างความสมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ ถือว่าจะเป็นโอกาสให้ไทยเร่งปรับปรุงโครงสร้างการส่งออกไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศเพื่อรองรับการกระจายความเสี่ยงการผลิตและลงทุน และยกระดับสภาพแวดล้อมทางการค้าของประเทศให้แข่งขันได้ในระดับโลกเพิ่มขึ้น











