“เทพไท” ชำแหละศึกซักฟอกคือเกมวัดใจล้วนๆ ระหว่าง “พท.” กับ “ปชน.” ฝ่ายแรกต้องการสางแค้น หวังล้มรัฐบาล จ่อยื่นซักฟอกนายกฯ อีกฝ่ายอยากให้อยู่ครบ 4 เดือนเพื่อแก้รธน. อาจยื่นซักฟอกรายบุคคล พุ่งเป้าตัวตึง “ธรรมนัส” คนเดียวโดดๆ ชี้ใครเดินเกมได้เหนือกว่า จะได้คะแนนนิยมแน่
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 นายเทพไท เสนพงศ์ นักวิเคราะห์การเมือง และอดีต สส.นครศรีธรรมราช แสดงความเห็นเรื่อง “อภิปรายไม่ไว้วางใจ เกมวัดใจล้วน ๆ” มีรายละเอียดว่า…“ผมน่าจะเป็นคนแรก ๆ ที่วิเคราะห์อนาคตของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกุล ว่าจะมีอายุไม่ครบ 4 เดือนตามที่ประกาศไว้ ในช่วงแรก ๆ ยังไม่มีใครเชื่อว่า บทวิเคราะห์อายุรัฐบาลอนุทินจะอยู่ไม่ครบ 4 เดือนเป็นจริงได้ เพราะช่วงนั้น อาจจะเป็นการวิเคราะห์ช่วงมีการเซ็น MOA ใหม่ ๆ แต่เมื่อสถานการณ์รัฐบาลบริหารประเทศครบ 1 เดือน ได้เห็นบริบททางการเมืองในหลายด้าน จึงมีการวิเคราะห์จากหลายฝ่าย และเชื่อว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลอนุทินจะอยู่ไม่ครบ 4 เดือนจริง
มีนักวิเคราะห์บางคนบอกว่า อาจจะยุบสภาหลังจากวันเปิดสมัยประชุมสามัญของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว คือวันที่ 12 ธ.ค.68 เพราะฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทำให้รัฐบาลชิงยุบสภาเสียก่อน เห็นได้จากกรณีที่นายอนุทินกล่าวไว้ว่า “รัฐบาลจะไม่ยอมให้ฝ่ายค้านด่าฟรี” แสดงว่า จะยุบสภาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นไปได้สูงมาก
ล่าสุด นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการยุบสภาก่อนครบวาระ 4 เดือน จะทำให้การทำประชามติไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ ก็ไม่มีคำถามที่จะไปทำประชามติ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังใช้เงื่อนไขของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันทางการเมือง ไม่ให้พรรคฝ่ายค้านที่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถ้าดูท่าทีของพรรคประชาชนแล้ว ใจลึก ๆ ก็อยากจะให้รัฐบาลอยู่ครบ 4 เดือน หวังที่จะให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จด้วย
เกมนี้จึงเป็นการวัดใจของพรรคฝ่ายค้าน 2 พรรค คือ “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคประชาชน” ว่าพรรคไหนจะชิงยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน
ถ้าหากพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะยื่นนายอนุทิน นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก หวังที่จะล้มรัฐบาลให้ได้เป็นการ “สางแค้นทางการเมือง”
ส่วนพรรคประชาชน ถ้าต้องการจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่อยากจะให้รัฐบาลอยู่ครบ 4 เดือน เพื่อแลกกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็สามารถทำได้เพียงช่องทางเดียว คือการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล โดยพุ่งเป้าไปยังตัว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่พรรคประชาชนกำลังกดดันให้นายอนุทินปลดออกจากตำแหน่ง เมื่อนายอนุทินไม่ปลด ก็ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเฉพาะร.อ.ธรรมนัส โดยไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน จึงทำให้รัฐบาลของนายอนุทินอยู่ต่อจนครบ 4 เดือนได้
จึงเป็นการวัดใจและชิงไหวชิงพริบทางการเมือง ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ว่าพรรคการเมืองใดเดินเกมการเมืองได้เหนือชั้นกว่ากัน ให้ได้คะแนนนิยมจากเกมนี้มากที่สุด”





































