นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อสังเกตการณ์ปฏิบัติการส่งกลับ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” สัญชาติอินเดีย 195 ราย ที่ลักลอบข้ามแดนมาจาก “เคเคปาร์ค” ฝั่งเมียนมา
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อสังเกตการณ์ปฏิบัติการส่งกลับบุคคลต่างชาติสัญชาติอินเดีย 195 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งในจำนวน 1,598 คน ที่ลักลอบข้ามแดนจาก “เคเคปาร์ค” ฝั่งเมียนมา เข้ามายังชายแดนจังหวัดตาก เน้นย้ำนโยบายไม่สนับสนุนให้ไทยเป็นฐานของอาชญากรรมข้ามชาติ และเร่งผลักดันผู้กระทำผิดกลับประเทศอย่างเด็ดขาด
นายอนุทิน เปิดเผยภายหลังการร่วมรับฟังบรรยายและหารือแนวทางการดำเนินการร่วมกับ พลโท วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3, พล.ต.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ท่าอากาศยานแม่สอด ว่า การลงพื้นที่ในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามการปฏิบัติการส่งตัวชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองให้กลับภูมิลำเนา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลให้ไว้
“เราจะเก็บคนเหล่านี้ไว้นานๆ ไม่ได้ เพราะจะเสียงบประมาณในการดูแล และบุคลากรต้องมาดูแล จึงต้องเร่งประสานงานกับประเทศต่างๆ ให้มารับตัวกลับไป โดยดำเนินการตามมาตรการทางการทูตและการดำเนินคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนทุกวิถีทาง เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้กลับประเทศของตน” นายอนุทินกล่าว
ในวันนี้ ชาวอินเดียจำนวน 195 ราย ได้ถูกส่งกลับประเทศโดยเครื่องบิน C130 ของกองทัพอินเดีย จำนวน 2 เที่ยวบิน ผ่านท่าอากาศยานแม่สอด แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการปัญหาการลักลอบเข้าเมือง
นายกรัฐมนตรีได้กำชับในที่ประชุมให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบ.สตม.) ร่วมกันคัดกรองบุคคลที่เข้ามาในประเทศเป็นพิเศษ หากไม่ได้มาเพื่อการท่องเที่ยวหรือประกอบอาชีพที่สุจริต “เราไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นช่องทางผ่านไปเป็นสแกมเมอร์ ทำธุรกิจหลอกลวงประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน พอมีปัญหาปราบปรามอย่างรุนแรงแล้ววิ่งกลับมาไทย เราไม่สนับสนุนเรื่องพวกนี้” นายอนุทินกล่าว และเสริมว่าคนเหล่านี้อาจจะไม่ต้องการกลับประเทศ เพราะกลัวความลำบาก แต่ประเทศไทยไม่ต้องการให้มาพำนักพักพิง เนื่องจากต้องเสียค่าอาหาร ค่าควบคุม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการดูแล
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะใช้ “โมเดล” การผลักดันกลับเช่นนี้กับประเทศอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในแอฟริกา พร้อมทั้งให้แนวทาง ผบ.สตม. เสนอแนวทางการจัดการกรณีที่ไม่มีเครื่องบินมารับ เนื่องจากหากต้องดูแลผู้ถูกควบคุมนานเป็นปี ก็จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายจำนวนมาก “ถ้าเทียบกับซื้อตั๋วเครื่องบิน อันไหนถูกกว่า ดังนั้นก็ต้องผลักดันกลับให้เร็วที่สุด” นายอนุทินกล่าว และใช้คำว่า “เนรเทศ” แม้จะฟังดูรุนแรงไปบ้าง แต่ก็เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้มาใช้งบประมาณของประเทศไทย
นายอนุทินยังคงยืนยันมาตรการ “3 ตัด” ในการปราบปรามสแกมเมอร์ชายแดนไทย-เมียนมา ได้แก่ การตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดเชื้อเพลิง ในพื้นที่ชายแดนทั้งหมด เพื่อไม่สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
ส่วนการขยายผลเครือข่ายสแกมเมอร์และขบวนการนำพา นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังดำเนินการกวาดล้างเครือข่ายของผู้ที่ถูกเพิกถอนสัญชาติ รวมถึงการจับกุมอุปกรณ์ Starlink ทั้งในแม่สอดและกรุงเทพมหานคร ที่ถูกนำมาใช้ในอาชญากรรมเทคโนโลยี โดยกรมศุลกากรก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเหล่านี้ถูกลักลอบนำเข้า แม้จะผ่านช่องทางธรรมชาติ เช่น ลำน้ำโขง “การขยายผลเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่ทำตามมาตรการปราบปรามสแกมเมอร์ เพราะเป็นขบวนการใหญ่มาก เรากำลังทำสงครามกับสิ่งเหล่านี้” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย.






































