โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำ การยุติการปฏิบัติถ้อยแถลงร่วมเป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะไทยถูกกัมพูชาละเมิดข้อตกลงก่อน ทั้งการตัดรั้วลวดหนาม วางทุ่นระเบิด และยิงยั่วยุ พร้อมเผยได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสหรัฐฯ มาเลเซีย และอาเซียนครบถ้วน
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวชี้แจงกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศระงับการปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วมไทย–กัมพูชา หลังมีข้อกังวลว่าประเทศไทยอาจเสียเปรียบ โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีชี้ชัดว่าไทยต้องไม่ลืมว่าฝ่ายใดเป็นผู้ถูกละเมิด และการยุติการปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วมเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
นายนิกรเดชกล่าวว่า การกระทำที่เป็นการฉีกถ้อยแถลงร่วมคือฝ่ายกัมพูชา ที่ตัดรั้วลวดหนามเข้ามา วางทุ่นระเบิด และยิงยั่วยุ ซึ่งล้วนเป็นการละเมิดข้อตกลงทั้งหมด 3 ข้อ พร้อมระบุว่าปัจจุบันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาคมระหว่างประเทศมองเห็นชัดเจนว่าไทยเป็นฝ่ายถูกกระทำ อีกทั้งไม่เคยมีผู้นำประเทศใดระบุว่าจะไม่ตอบโต้เมื่อถูกละเมิด จึงถือเป็นเรื่องปกติที่ไทยจะต้องแสดงปฏิกิริยาเพื่อรักษาอธิปไตย
โฆษก กต. ย้ำว่า การดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วมเพียงฝ่ายเดียวเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และไทยได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะผู้สังเกตการณ์การลงนามในถ้อยแถลงร่วม รวมถึงได้ส่งสำเนาให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกชาติ
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แสดงความพร้อมในฐานะประธานอาเซียนในการสนับสนุนการหารือสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา นายนิกรเดชระบุว่า ในการพูดคุยระหว่างผู้นำไทยและมาเลเซีย ฝ่ายมาเลเซียเพียงสอบถามว่ามีสิ่งใดที่อาเซียนสามารถช่วยได้ หากมีความต้องการก็ยินดีสนับสนุน แต่ยังไม่ได้เสนอทำหน้าที่เป็นตัวกลางอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ไทยยังยืนยันว่าสิ่งสำคัญคือให้กัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อที่แจ้งไว้ก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาว่าถ้อยแถลงร่วมจะดำเนินการต่อไปในทิศทางใด






































