‘ศิริกัญญา’ ลั่น ถ้า ‘อนุทิน’ เอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง แทนการโหนกระแสชาตินิยม ประเทศคงไม่เดินมาถึงจุดสหรัฐฯ ประกาศระงับการเจรจาการค้า ตอบโต้ไทยที่ระงับ ‘ปฏิญญาสันติภาพ’ ชี้ การเจรจาการค้าที่ควรต้องจบในปีนี้กลับยืดเยื้อ และถ้า ‘ทรัมป์’ ประกาศภาษีใหม่สูงกว่าเดิม ไม่อยากนึกถึงความเสียหาย
วันที่ 15 พ.ย.68 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความระบุว่า…“ย้ำอีกครั้ง หากนายกรัฐมนตรีเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง เราจะไม่เดินมาถึงจุดนี้
นี่คือสิ่งที่คุณณัฐพงษ์ (เรืองปัญญาวุฒิ) หัวหน้าพรรคประชาชนได้เตือนไว้ล่วงหน้า
ให้ประเทศไทยจะเป็นฝ่ายแจ้งสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ก่อนถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งถูกวาง และเรียกร้องให้พิจารณาตัดการสนับสนุนทางการทหารและเศรษฐกิจต่อกัมพูชา ใช้โลกล้อมกัมพูชา เพื่อจบปัญหาสแกมเมอร์อันเป็นภัยต่อประชาชนทั้งโลก
รวมถึงจีนและสหรัฐอเมริกา โดยการให้ความร่วมมือกับนานาชาติผ่านการตั้งผู้แทนพิเศษ แลกเปลี่ยนข้อมูลหลักฐาน เดินหน้าอายัดทรัพย์และสืบเส้นทางการเงินเครือข่ายสแกมเมอร์ในไทย
แต่นายกรัฐมนตรีกลับประกาศระงับ ‘ปฏิญญาสันติภาพ’ จนเป็นเหตุให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกาศระงับการเจรจาการค้ากับไทย เป็นการตอบโต้ ทั้งๆ ที่เพิ่งมีการต่อสายคุยกันของผู้นำ 2 ประเทศ ที่คุณอนุทินยังเอามาเล่าว่า ขอลดอัตราภาษีอยู่เลย เหมือนจับอารมณ์ของทรัมป์ไม่ได้เลยว่า กำลังจะระงับการเจรจา
ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ถูกเล่นงานอะไรเลย ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายก่อเหตุ และยังคงเล่นบทเหยื่อและสร้างภาพว่าประเทศไทยกำลังรังแกประเทศที่ด้อยกว่า
การเจรจาการค้าที่ควรจะต้องจบลงภายในปีนี้ ทำท่าว่าจะยืดเยื้อไปอีก เพราะสหรัฐฯ เองมักจะใช้เหตุด้านการเมืองอื่นๆ มาใช้กดดันแต่ละประเทศในการเจรจาอยู่แล้ว ไม่อยากจะนึกถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา หากทรัมป์เกิดประกาศอัตราภาษีใหม่ที่สูงกว่าเดิม
ถามว่าแล้วเราต้องแคร์มั้ย ถ้าไม่แคร์คงไม่ไปเซ็นปฏิญญานี้โดยทรัมป์มาเป็นพยานตั้งแต่แรก
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทหารไทยไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เกมนี้มีวิธีเล่นได้หลายรูปแบบที่จะทำให้เราถือไพ่เหนือกว่า ถ้าเรายึดผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก มากกว่าการรักษาคะแนนความนิยมของตัวเองโดยการโหนกระแสชาตินิยม
นายกควรยอมรับว่าเดินหมากพลาด’






































