วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“บิ๊กตู่”กล้าปรับครม. ปักธงชิงสร้างผลงาน-แก้วิกฤติโควิด-ม็อบราษฎร
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กตู่”กล้าปรับครม. ปักธงชิงสร้างผลงาน-แก้วิกฤติโควิด-ม็อบราษฎร

ศึกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลบิ๊กตู่” เป็นรายบุคคล ประกอบด้วย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์

“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย “ครูตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ “จับกัง 1” สุชาติ ชุมกลิ่น รมว.แรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และ “ฤาษีแจกกล้วย” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์

ก่อนหน้านั้นองค์กรความโปร่งใสสากล ตีแสกหน้า “รัฐบาลลุงตู่” และคนไทย โดยเปิดดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันประจำ 2563 คะแนนเต็มร้อย ประเทศไทยได้แค่ 36 แต้ม อยู่ในลำดับ 104 จากการสำรวจ 180 ประเทศ

ผลสอบการป้องกันและปราบโกงตก เรียนซ้ำชั้นตลอด

สะท้อนพฤติการณ์การโกงมันฝังรากลึกอยู่ในกลไกรัฐและผู้ใช้อำนาจ

เข้าใจได้วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต” เพิ่งเริ่มจุดพลุรณรงค์เมื่อปลายปี2563

“ราษฎรเต็มขั้น” ขอเล่า “นิทานปรัมปรา” เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ หลังออกแคมเปญ Zero Tolerance ได้มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง รับเงินพิเศษเป็นรายเดือน ปกติมีคนของ “บิ๊กเบิ้ม” ค่อยแจกท่อน้ำเลี้ยงเฉลี่ยเดือนละ 2 แสนบาท

เมื่อเข้าสู่ปีใหม่ก็ตบเท้าเรียกร้องขอ “อั่งเปา” คนละ 1 ล้านบาท เจ้าของปั้มท่อน้ำเลี้ยงตบมือฉาดใหญ่แบบเถ้าแก่สั่งลุย ควักให้ทันที ไม่มีปัญหา

เดือนต่อมานักการเมืองกลุ่มนี้เริ่มคับข้องหมองใจ เพราะได้รับท่อน้ำเลี้ยงแค่เดือนละ 1 แสนบาท หายวูบไป 50% สุดท้ายถึงทราบว่า “อั่งเปา” 1 ล้านบาทถือว่าเบิกล่วงหน้า นับจากนี้ไปจนถึงเดือนต.ค.64 ขอจ่ายแค่เดือนละ 1 แสนบาท

ได้แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำใจยอมรับสภาพ

คราวนี้เกิดปัญหาอีกเมื่อโครงการต่างๆตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 มีผู้ใหญ่รับปากรับคำอนุมัติให้โครงการไปลงพื้นที่ ปล่อยให้นักการเมืองเก็บเงินปลายทางกับผู้รับเหมาหรือเอกชนที่ได้โครงการนั้นไป

เฉลี่ยต่อหัว 60-80 ล้านบาทต่อคน

การพิจารณางบประมาณรายจ่ายแต่ละปีถึงมีการตั้งโต๊ะ “ล็อกโครงการ” ให้นักการเมือง หากต้องการได้เงินสดเร็วก็ “ขายโครงการ” ให้นักการเมืองด้วยกัน หมายความว่า ขอรับเงินก้อนก่อน แล้วให้ผู้ซื้อโครงการไปปล่อยให้ผู้รับเหมาหรือเอกชนอีกทอด ทำกำไรเห็นๆ

ปรากฏว่าปีนี้มีนักการเมืองคนหนึ่ง ไปรับเงินกับผู้รับเหมาหรือเอกชนมาแล้ว แต่โครงการไม่ลงไปตามที่ผู้ใหญ่อนุมัติ

แผนปล้นชาติแตกดังโพละ ปมนี้แค่เมนูออเดิร์ฟเสิร์ฟ

เมื่อเทียบกับความทุกข์ยากของประชาชนที่ได้รับผลประทบจากค่าครองชีพอย่างแสนสาหัส อันมีผลกระทบจากไวรัสโควิด

เฉพาะที่มีชาวบ้านร้องทุกข์มากที่สุดผ่านจุดบริการประชาชน 1111 ของรัฐบาล ตลอดปีงบประมาณ 2563 คือ ค่าครองชีพ 9,637 เรื่อง เมื่อเทียบกับช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมามีเรื่องค่าครองชีพร้องเรียนเข้ามาแค่ 56 เรื่อง

พุ่งขึ้นสูง 17,208% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2562

นับเป็นกลุ่มตัวอย่างที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วประเทศได้ไม่มากก็น้อย แม้คณะรัฐมนตรีรับทราบ และเร่งแก้ไขเฉพาะหน้าไปบ้างแล้ว

แต่การแก้โจทย์เฉพาะหน้าอย่างเดียวไม่เพียงพอแน่ เป็นการบ้านที่รัฐบาล สมาชิกรัฐสภา ตัวแทนของปวงชนชาวไทย ต้องหยุดเล่นการเมือง หาผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง ถึงเวลาทำเพื่อปวงชนชาวไทย

วันนี้ “ราษฎรเต็มขั้น” ถึงไม่คาดหวังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ฝ่ายค้านเปิดข้อมูลแจ่มจรัสแค่ไหน

ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล พรรคเล็ก พรรคน้อยคงโหวตสวนข้อมูลที่แจ่มจรัส

นั้นคือไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 10 ท่านให้บริหารประเทศแบบกระทรวงใคร กระทรวงมันต่อไป

จังหวะนี้ “บิ๊กตู่” ต้องกล้าปรับคณะรัฐมนตรี ชิงธงสร้างผลงาน โดยไม่ต้องเกรงใจฝ่ายการเมือง

ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยย่อมติดหล่มตีนช้างวิกฤติโควิดและการประท้วงของกลุ่มราษฎรต่อไป

……………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก

โดย “ราษฎรเต็มขั้น”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img