วันจันทร์, กันยายน 30, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSนักวิชาการแนะ“พท.”เข้าหา “ก.ก.”ขอให้เป็นฝ่ายค้านที่พร้อมจะยกมือให้พรรคอื่นตั้งรัฐบาลได้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นักวิชาการแนะ“พท.”เข้าหา “ก.ก.”ขอให้เป็นฝ่ายค้านที่พร้อมจะยกมือให้พรรคอื่นตั้งรัฐบาลได้

นักวิชาการชี้ “เพื่อไทย”ถูกกระแสการเมืองกดดัน แนะทางออก ให้รีบเดินเกมเข้าหาก้าวไกล ขอให้เขาเป็นฝ่ายค้านที่พร้อมจะยกมือให้พรรคอื่นตั้งรัฐบาลได้ เพราะไม่เช่นนั้นหากจับกับลุง หรือไปจับกับงูเห่า ต่อไปในอนาคตเพื่อไทยจะฝ่อลงเรื่อยๆ


เมื่อวันที่ 8 ส.ค.รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับ 3 นักวิชาการการเมือง หลังเมื่อวานนี้ พรรคเพื่อไทย-พรรคภูมิใจไทย แถลงจับมือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ทิศทางการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร ใครจะได้เป็นนายก และจะมีลุงหรือไม่


รองศาสตราจารย์ ยุทธพร อิสรชัย อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองว่า การแถลงตั้งรัฐบาลเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย ประชาชนมองตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า ภูมิใจไทยที่มีเสียงมากกว่า 70 เสียง มีโอกาสเข้ามาร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว และภูมิใจไทยก็เป็นพรรคที่เงื่อนไขน้อยที่สุด เพื่อไทยจึงเริ่มต้นจับกับภูมิใจไทยก่อน 212 เสียง แต่ถามว่ามีลุงหรือไม่ เมื่อวานในการแถลงเขาก็ไม่ปิดโอกาส บอกว่าถ้ามาแค่สมาชิก เป็นรายบุคคล เขาเปิดรับ โดยไม่ทีลุง อันนี้มันก็เหมือนเล่นละครลิงให้ประชาชนดู


ขณะที่ นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ มองว่า เพื่อไทยตอนนี้มีแต่เสียกับเสีย เป็นรัฐบาลได้จริงแต่ไม่ง่ายแน่นอน เขาต้องเอาใจคุณอนุทิน มีเกมอีกมากมายรอจัดการนายกของเพื่อไทยอยู่ คุณทักษิณจะได้กลับไหมก็ยังไม่รู้ ส่วนก้าวไกลสบายกว่าเยอะ กระแสการเมืองมันมาบีบและกดดันที่เพื่อไทย


ด้าน ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า เพื่อไทยปล่อยมือก้าวไกลแล้วตั้งใจจะเล่นเกมเร็ว รีบปล่อย รีบไปจับกับพรรคอื่น แล้วจะยกมือโหวตนายกให้ได้ แต่มาเจอโรคเลื่อน ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อน ประธานสภาเลื่อน เพื่อไทยก็เคว้งคว้าง เพลี่ยงพล้ำ นายกก็โหวตไม่ได้ คุณทักษิณก็ต้องเลื่อนการกลับบ้านออกไป
แต่ตอนนี้กลับมาตั้งหลักได้แล้ว หลังจากเขาจับกับภูมิใจไทยแล้ว กลายเป็น 212 เสียง ขาดอีก 38 เสียงจะได้เสียงข้างมากตั้งรัฐบาลได้ มองแบบนี้ก็คือต้องการประชาธิปัตย์ แล้วจะรวมได้ 260 เสียง โดยไม่มี 2 ลุง แต่ด้วยปัญหาภายใน รวมทั้งท่าทีของประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ชัดว่าจะมาร่วมหรือไม่มา สิ่งเหล่านี้ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่เราจะได้เห็นการโหวตนายกก่อน แล้วค่อยมาตั้งรัฐบาลกันทีหลัง โดยตอนนี้เพื่อไทยจะต้องขอเสียงจากพรรคต่างๆ แล้วค่อยมาเจรจาตั้งรัฐบาลกันทีหลัง


ขณะที่ นายวีรพัฒน์ มองว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยต้องเล่นเกมฉลาด จะไปคุยกับพรรคลุง หรือจะอยู่เฉยๆ จนมีข่าวลวงว่าเพื่อไทยไปคุยกับพรรคลุง แบบนั้นไม่ได้เลย เพราะเพื่อไทยจะเสียเครดิตทันที เพื่อไทยไม่ต้องรอ รีบเดินเกมเข้าหาก้าวไกล ขอให้เขาเป็นฝ่ายค้านที่เรียกว่า Confidence and Supply คือเป็นฝ่ายค้านที่พร้อมจะยกมือให้พรรคอื่นตั้งรัฐบาลได้ แล้วถ้าอยากเสนอกฎหมายอะไรก็มาคุยกันในตอนที่เข้าสภา แล้วให้เพื่อไทยเข้าไปแก้รัฐธรรมนูญ


ถ้าทำแบบนี้ก้าวไกลได้เป็นฝ่ายค้านหล่อๆ สวยๆ ขณะที่เพื่อไทยจะเป็นผู้ร้ายที่เข้าไปช่วยคนดี ยอมเป็นรัฐบาลให้ถูกฟาดฟัน แล้วสุดท้ายเมื่อกติกามันกลับมาเข้ารูปเข้ารอย ก็ช่วยพาก้าวไกลกลับมาเป็นฝ่ายรัฐบาลได้อย่างสวยงาม


สิ่งที่ตนเสนอก็คือ เพื่อไทยต้องยกพานไปขอขมาเมียหลวงที่ชื่อก้าวไกล กลับไปจับมือกับเขาให้ได้ ไม่อย่างนั้น หากคุณไปจับกับลุง หรือไปจับกับงูเห่า ต่อไปในอนาคตเพื่อไทยจะฝ่อลงเรื่อยๆ ขณะที่ก้าวไกลจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เพราะเสียงหนุนเพื่อไทยจะไหลออกไปสนับสนุนก้าวไกลทั้งหมดแบบไม่ต้องคิดเลย


ขณะที่ รศ.ดร.ยุทธพร บอกว่า ตนเห็นต่างออกไป เพราะวันนี้มองว่า ก้าวไกล กับ ภูมิใจไทย จะมาเกี่ยวข้องกันไม่ได้เลย ภูมิใจไทยชัดเจนว่าเงื่อนไขของเขาต้องไม่มีพรรคก้าวไกล เช่นเดียวกับก้าวไกลที่เดินหน้าตรวจสอบพรรคภูมิใจไทยมาอย่างเข้มข้น จะให้เขาไปยกมือโหวตสูตรที่มีภูมิใจไทยมันก็ต้องมาตอบคำถามประชาชน ว่ายกมือให้เขาได้ยังไง แม้จะบอกว่ายกมือโหวตเฉยๆ ไม่ได้มาร่วมรัฐบาลก็ตาม


รศ.ดร.ยุทธพร มองว่า ที่น่าสนใจคือพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้ภายในพรรคเขามีหลายขั้ว การเลือกหัวหน้าพรรคของเขามันยังไม่สำเร็จสักที จุดยืนภายในพรรคก็แตกต่างกัน จนทำให้เชื่อได้ว่า อาจจะมี “บางส่วน” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจจะ “เลื้อย” มาร่วมกับรัฐบาลโดยไม่ได้มาในนามพรรค มาเป็นการส่วนตัว แลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีอะไรก็ว่ากันไป ก็อาจทำได้เหมือนกัน


ขณะที่ อ.ปริญญาตั้งข้อสังเกตว่า ให้จับตาดูขนาดของพรรคภูมิใจไทยว่า จะมีขนาดพรรคที่ใหญ่ขึ้นหรือไม่ เมื่อรัฐธรรมนูญเปิดทางให้มีงูเห่าได้ สมัยที่ผ่านมา 4 ปีผ่านไป เขาได้เพิ่มมาเกือบ 20 เสียง เพราะถ้าประชาธิปัตย์ไม่มา แล้ว 2 ลุงก็มาไม่ได้ ทางเดียวที่ทำได้ คือทำให้พรรคใดพรรคหนึ่งใหญ่ขึ้น มีเสียงมากขึ้นให้ได้


ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่า เพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล เป็นนายก โดยอาศัยเสียง สว.หรือไม่ ถ้าจะปิดสวิตช์ ไม่เอาเสียง สว. ก็ต้องทำอย่างที่ อ.วีรพัฒน์ เสนอ ก็คือไปขอให้ก้าวไกลช่วยยกมือให้ เหมือนเป็นสามีภรรยาที่เลิกกันไปแล้ว ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เข้าไปแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ตามที่ตั้งใจ


ส่วนเรื่อง คุณเศรษฐาจะได้เป็นนายกหรือไม่ ตอนนี้ สว.เริ่มส่งสัญญาณแล้วว่า คนมาเป็นนายกต้องมีจริยธรรมนะ ขณะที่คุณเศรษฐามีประเด็นเรื่องถูกแฉเรื่องภาษีที่ดิน ซึ่งเรื่องการซื้อขายที่ดินของแสนสิริ ที่มีคุณเศรษฐาเป็นผู้บริหารในขณะนั้น ถามว่าผิดกฎหมายไหม ไม่ผิด ถามว่าเลี่ยงภาษีไหม ก็พูดได้ แต่มองว่าเป็นการบริหารจัดการภาษีไหม ก็ได้เช่นกัน มันก้ำกึ่งทั้งสองด้าน แต่คำถามที่คุณชูวิทย์เปิดขึ้นมาก็คือ “แบบนี้เหมาะสมไหมกับคนที่อยากจะมาเป็นนายก”


คุณวีรพัฒน์ บอกว่า เห็นด้วยกับ อ.ปริญญาว่า ประเด็นของคุณเศรษฐาเรื่องภาษีที่ดิน มันไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่มีคนบอกว่ามันผิดมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งเมื่อพูดคำนี้มันกำกวม ถ้าสุดท้ายมันถูกตัดสินมาว่าผิด เคสอื่นๆ ที่ทำกันมาเป็นสิบยี่สิบปี จะเดือดร้อนแน่นอน เพราะมีการทำแบบนี้มามากมายหลายเคสแล้ว


คุณวีรพัฒน์บอกว่า อย่าเพิ่งรีบตัดชื่อ คุณชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตคนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย หากคุณเศรษฐาไปไม่ถึง คุณอุ๊งอิ๊งไม่อยากเป็น ก็ยังมีโอกาสที่ อ.ชัยเกษม จะบอกว่าท่านอายุมากแล้ว คิดว่าไม่ใช่ประเด็น


อ.ปริญญา ยังพูดถึงประเด็น “ไล่หนูตีงูเห่า” ที่ นพ.ชลน่านตอบคำถามนักข่าวว่าเป็น เทคนิคการหาเสียง ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง จริงๆ ส่วนตัวมองว่า นพ.ชลน่านไม่น่าจะตั้งใจให้มันกลายเป็นประเด็นลุกลามแบบนี้ แต่เขาใช้คำพูดผิด จะพูดว่าสงครามมันจบแล้ว ตอนนี้ต้องมาร่วมมือกันแล้ว อะไรก็ว่าไป แต่พอพูดว่าเป็นการหาเสียง มันทำให้ลุกลามไปถึงเรื่องอื่น เรื่องที่สัญญาไว้กับประชาชน


อ.ยุทธพรเสริมว่า สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า เพื่อไทยล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปแล้วจริงๆ ทำอะไรมันก็ผิดพลาดไปหมด แล้วประเทศต้องการนายกที่ประชาชนให้ความเชื่อถือ แต่ตอนนี้เหมือนเพื่อไทยสูญเสียสิ่งนี้ไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img