แรงซื้อบิ๊กแคปดันตลาดหุ้นไทยปิดพุ่ง

set index ปิดบวก 12.93 จุด แรงซื้อหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปดันตลาด โบรกเผยตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.ถึงปัจจุบันฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยทะลุ 5.2 หมื่นล้านบาท บวก 3% หากเทียบประเทศพัฒนาแล้วติดลบสูงถึง 4% เคาะ 3 หุ้นเด่น

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,639.45 จุด บวก 12.93 จุด หรือ 0.79% โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,641.5 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,627.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68,513.76 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเป็นอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค เนื่องจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.-ปัจจุบันเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยสุทธิ 5.2 หมื่นล้านบาท หรือบวก 3% หากเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ติดลบ 3-ลบ 4% สำหรับเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าเดือนส.ค.ถือว่าสูงสุดของปีนี้ 

ส่วนหุ้นที่ดันตลาดในวันนี้เป็นหุ้นขนาดใหญ่กระจายในหลายกลุ่ม เช่น AOT บวก 1.75% PTT บวก 1.33%  BDMS บวก 1.80% ADVANC บวก 1.04% CPN บวก 3%  

ทั้งนี้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่งมาจาก 4 ประเด็นหลัก คือ 1.จีดีพีเติบโตต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าจีดีพีปีนี้โต 3.5% ซึ่งครึ่งปีหลังต้องผลักดันจีดีพีให้ได้ถึง 4.6% จากครึ่งปีแรกจีดีพีโต 2% 2.กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าจีดีพีไทยโต 4% ทั่วโลกโต 2.9% สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวโดดเด่นมากกว่าประเทศอื่น 

3.การขึ้นดอกเบี้ยไทยค่อนข้างช้ากว่าประเทศพัฒนาแล้ว หนุนให้ตามกลไก ตลาดหุ้ยไทยมีโอกาสถูกซื้อขายบน P/E ที่สูงกว่า โดยตลาดคาดว่า Fed จะขึ้น ดอกเบี้ยปลายปีไปอยู่ที่ 4% ขณะที่ไทยน่าจะอยู่ที่ 0.75% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย ที่ห่างกันมาก ตามกลไกทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสถูกซื้อขายบน P/E ที่สูงกว่า

4.สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยจากต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ มีช่องว่าง ให้ไหลเข้ามาได้อีก ปัจจุบันต่างชาติทยอยซื้อสุทธิสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง 1.7 แสน ล้านบาท (ytd) จนล่าสุดมีสัดส่วนการถือครองทางตรงต่ำอยู่ยังไม่ถึง 22% ยังต่ำ กว่าค่าเฉลี่ยที่ 26.2% และในอดีต 9 ปีที่แล้ว ต่างชาติยังเคยถือครองสูงถึง 30.2% ดังนั้นด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมา คาด Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข่าตลาดหุ้น ไทยต่อ 

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่าติดแนวต้านที่ 1,650 จุด แนวรับอยู่ที่ 1,630 จุด  เนื่องจากในช่วงเวลา 16.00 น.พรุ่งนี้ มีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรป คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเดือนก.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 8.9% เพิ่มขึ้น 9% MOM เพิ่มขึ้น 0.6% YOY นอกจานี้พรุ่งนี้ MSCI Rebalance เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย 0.03% สู่ 2.01% ซึ่งจะทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยช่วงท้ายตลาดเกินหมื่นล้านบาท ส่วนปัจจัยติดตามยังเป็นเรื่องคนละครึ่งเฟส 5 ที่เริ่มมีผลการใช้จ่ายวันที่ 1 ก.ย. และการปรับขึ้นค่าเอฟที เป็น 4.72 บาทต่อหน่วย และตัวเลขการจ้างงานอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ