วันพุธ, กรกฎาคม 3, 2024
หน้าแรกHighlight“พท.”ยืนยันลดเหลื่อมล้ำด้วยค่าแรง 600 บาท โวลั่น“ทำได้แน่นอน”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พท.”ยืนยันลดเหลื่อมล้ำด้วยค่าแรง 600 บาท โวลั่น“ทำได้แน่นอน”

“ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย” ย้ำนโยบายพูดแล้วทำได้จริง คิดใหญ่ทำเป็น กระจายอำนาจ ยันค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทลดเหลื่อมล้ำ ยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำได้อย่างแน่นอน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.65 คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ในประเด็น “นโยบายเพื่อไทย พูดแล้วทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น” โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี และน.ส.จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัครส.ส. กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน ในฐานะโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจ

นายพิชัยกล่าวว่า ตามที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศนโยบายของพรรคหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถทำได้จริงตามที่ได้ประกาศอย่างแน่นอน และเป็นการคิดใหญ่ ทำเป็น เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้วทุกนโยบายในอดีต เรียกได้ว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำได้จริง ไม่เหมือนหลายพรรคที่ประกาศนโยบายแต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น

ทั้งนี้อยากตอกย้ำนโยบายที่สำคัญเช่นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจขยายได้เฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งสามารถทำได้จริง และเป็นศักยภาพที่ประเทศควรจะขยายให้ได้อยู่แล้ว โดยทั้ง ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ ต่างก็บอกตรงกันว่าประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาโดยตลอด อีกทั้งประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยจะต้องขยายตัวปีละ 5-6% เป็นอย่างน้อยเพื่อพัฒนาให้หลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง และจะเพิ่มการจ้างงาน การหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะอีกด้วย

ตลอดหลายปีเศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวได้ต่ำมาก ขนาดปีนี้ที่ประเทศต่างๆในอาเซียนขยายตัวได้สูง เช่น ใน 9 เดือนแรก มาเลเซียขยายได้ 9.36% เวียดนาม 8.8% ฟิลิปปินส์ 7.76% อินโดนิเซีย 5.39% แต่ไทยกลับขยายตัวได้ต่ำมาก เพียง 3.1% เท่านั้น ดังนั้น การเร่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงเป็นความจำเป็นระดับแรก ซึ่งจะต้องมีนโยบายหลายๆด้านออกมาพร้อมๆกัน เช่นในปี 55 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 7.2% เป็นต้น ดังนั้นการสร้างรายได้ใหม่ในหลายด้านและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากในประเทศและจากต่างประเทศจะเป็นแนวทางที่จะเพิ่มจีดีพีให้ขยายตัวได้มากขึ้น รวมถึงการทำให้ไทยเป็นศุนย์กลางนวัตกรรมของอาเซียนให้คนฉลาดๆและคนเก่งๆมาอยู่ประเทศไทยและช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจไทย

ต่อมา นโยบายที่เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมากคือค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ในปี 70 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า สามารถทำได้จริงถ้าประเทศไทยสามารถขยายเศรษฐกิจปีละ 5% ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 600 บาทในอีก 5 ปีข้างหน้า จะทำให้มีการกระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งจะผลักดันให้ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้พัฒนาสร้างงานและดึงดูดการลงทุนที่จะสามารถรับค่าแรงในระดับนั้นได้ จะเร่งให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางเร็วขึ้น ทั้งนึ้ในประเทศที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ค่าแรงจะสูงมาก เช่นที่สหรัฐค่าแรงในรัฐแคลิฟอร์เนียชั่วโมงละ $ 15.5 ( 540 บาท) เป็นต้น แนวคิดในการบริหารประเทศคือ ความสำเร็จของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่ช่วยให้คนรวยเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่อยู่ที่จะช่วยคนยากจนและคนลำบากให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้อย่างไร ไม่ต้องกังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจหายนะเพราะเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้ที่เศรษฐกิจย่ำแย่เพราะอะไร ทุกคนน่าจะทราบดี

อีกนโยบายที่มีความสำคัญและเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ทันทีคือ นโยบายที่จะลดราคา น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม ซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยเข้าไปปรับเปลี่ยนแก้ไขโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้ชี้แจงมาตลอดและจะสามารถเข้าไปแก้ไขและลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ได้ทันที เมื่อเป็นรัฐบาล และส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นทิศทางของโลก โดยเฉพาะปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าจะขึ้นอีก จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของไทยอย่างมาก ทั้งนี้หากพิจารณาในภาพรวมจะพบว่านโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทยจะร้อยเรียงสอดประสานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้สูงอย่างยั่งยืนและยังคำนึงถึงการกระจายรายได้เพื่อให้ประชาชนทุกระดับชั้นได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มกำลังซื้อ สร้างเศรษฐกิจให้หมุนเวียน เพื่อให้ประเทศไทยกลับไปสู่การเป็นประเทศผู้นำของอาเซียน และ มีอิทธิพลต่อประชาคมโลกอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหายไปหลายปี พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า-ตรวจสุขภาพเชิงรุก

ทางด้าน น.ส.จุฑาพรกล่าวว่า ตามที่น.ส.แพทองธารได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน มีหลายประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ทางด้านการบริการสาธารณสุขสำหรับประชาชน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก ส่งผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในแต่ละวัน พรรคเพื่อไทยพร้อมยกระดับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกโรค มีบริการสาธารณสุขเชิงรุก อาทิ เช่น การให้บริการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรีในเด็กหญิงอายุ 9-11 ปี เป็นวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี มีประสิทธิภาพสูงสุด และฉีดวัคซีนให้ผู้หญิงที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV : Human Papilloma Virus) อีกทั้งยังจะมีการตรวจและรักษาไวรัสตับอักเสบ-ซี ซึ่งโรคดังกล่าวจะเป็นการป้องกันมะเร็งตับที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้ชาย ปัจจุบันวัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนั้น สามารถป้องการมะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังควรรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายด้วย เพราะผู้ชาย และเพศทางเลือกเองก็มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส และก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้เหมือนกัน

ทั้งนี้ภายในปี 70 ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว เข้ารับการรักษาได้ทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยจะถูกจัดเก็บไว้บนศูนย์ข้อมูล หรือ Cloud เมื่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาล สามารถยื่นบัตรประชาชนแล้วอนุญาตให้แพทย์ผู้รักษาเข้าถึงข้อมูลการรักษาได้ทันที สำหรับผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ยังเข้าไม่ถึงการรักษาอย่างถูกต้องในปัจจุบัน ตลอดจน ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถรับการรักษา ผ่านระบบแพทย์ทางไกล หรือ telemedicine ได้ โดยจะเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพื่อให้สามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เกิดประโยชน์กว่าการนั่งรอพบแพทย์ หรือสามารถขอคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางได้รับการรักษาที่ศูนย์สาธารณสุขหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านได้ การจองคิวพบแพทย์จะทำผ่านระบบแอปพลิเคชันออนไลน์ ลดระยะเวลาในการรอพบแพทย์ที่มีระยะเวลานานในปัจจุบัน

ในอนาคต โรงพยาบาลของรัฐจะถูกกระจายอำนาจในรูปแบบองค์การมหาชนที่ระดับท้องถิ่น สนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารโรงพยาบาล มีการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ให้เหมาะสมตามปริมาณงาน และการลงทุนเพื่อพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์ให้ทันสมัยในทุกระดับตั้งแต่ระดับตำบลถึงมหานคร ไปจนถึงการฝึกอสม. ให้เป็นพยาบาลระดับต้น ช่วยดูแลผู้ป่วยประจำทุกหมู่บ้าน ส่วนในกรุงเทพฯมีโรงพยาบาลประจำเขตทั้ง 50 เขต เพื่อช่วยลดภาระประชาชนในการเดินทาง ให้เข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างสะดวกที่สุด คุณภาพชีวิตที่ดีเริ่มต้นจากการมีสุขภาพที่ดี หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน พร้อมเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาปากท้อง วิกฤติข้างของแพง เศรษฐกิจย่ำแย่ในขณะนี้ และพร้อมยกระดับการให้บริการทางสาธารณสุข ให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี ลดภาระรายจ่ายจากการรักษาพยาบาล เพื่อให้ประชาชนเป็นกำลังสำคัญในการช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป

ขณะที่ นายเลิศศักดิ์กล่าวว่าผลสะทือนจาการแสดงวิสัยทัศน์ของน.ส.แพทองธารส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25000 บาท ต่อมาผู้บริหารของพรรคได้ชี้แจงเหตุผลยืนยันความมั่นใจว่าทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงภายในปี 70 ไปแล้วนั้น

จากความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อเนื่องของรัฐบาลคสช และรัฐบาลพล.อ ประยุทธ์ มีปัญหาทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจ 8 ปี ที่โตเฉลี่ยเพียงแค่ 1 % กว่า ขณะที่ในสิ้นปี 65 ธนาคารโลกคาดว่าจีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เผชิญกับโควิด-19 เช่นเดียวกับไทยกลับจะเติบโตสูงถึง 7.2 % ความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และความมั่งคั่ง ที่ถ่างกว้างขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ จากที่คนไทยสัดส่วนกว่า 31 % อยู่ในภาคการเกษตร และในด้านโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ตนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยได้วิเคาะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นโอกาสจากจุดแข็งของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครในภูมิภาค ทั้งด้านการเกษตร การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม และการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์มองเห็นอนาคตประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากได้เป็นรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายที่ได้ประกาศไว้จึงมั่นใจว่าจีดีพีจะต้องเติบโตปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทุกปีต่อเนื่องซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ยืนยันว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้แนนอน

นโยบายสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชน เป็นนโยบายสำคัญที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ดีที่สุด นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย นั่นคือเรื่องการกระจายอำนาจ โดยรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีความพร้อม จากการที่ระบบบริหารราชการของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถตอบโจย์การเข้าถึงบริการสาธารณะของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เกิดการรวมศูนย์อำนาจ และการกระจุกตัวของงบประมาณอยู่ที่การตัดสินใจของราชการส่วนกลางจนเรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์

การบริหารจัดการงบประมาณเกิดความล่าช้า ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ขาดความจริงใจในการโอนภารกิจการบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พรรคเพื่อไทยจึงนำเสนอนโยบายในการปฎิรูประบบราชการไทยครั้งสำคัญ และจะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้เกิดความราบรื่น โดยการจัดรูปแบบของระบบราชการใหม่เป็นการนำร่อง โดยมีราชการส่วนกลาง และให้มีราชการส่วนภูมิภาคในระดับจังหวัด ระดับเทศบาลและรูปแบบพิเศษ โดยมีการเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรงในจังหวัดที่พร้อม ซึ่งจะทำให้เห็นปัญหา และอุปสรรคต่างๆในการบริหารราชการ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างราชการส่วนกลางและราชการส่วนภูมิภาค เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรงไปใช้ในจังหวัดอื่นๆต่อไป นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นการเปลี่ยนผ่านระบบราชการแบบเดิมไปสู่การกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองท้องถิ่นอย่างราบรื่นและมั่นคง ดังนั้นในอนาคตพี่น้องประชาชนในชนบท และพี่น้องประชาชนในเขตเมืองก็จะได้รับบริการสาธารณะผ่านนโยบายระบบราชการดิจิทัล การบริการในท้องถิ่นของตัวเองใกล้บ้านในแทบทุกกิจกรรม ถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณะอย่าเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง ขอยืนยันว่ารูปแบบระบบราชการ และการเลือกผู้ว่าโดยตรงตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจะยังคงมีอยู่เช่นเดิมเพื่อเป็นตัวแทน เป็นมือเป็นไม้ให้กับราชการส่วนกลาง และเป็นส่วนหนึ่งของการประชาคมท้องถิ่นของตัวเองในการพัฒนาพื้นที่

ส่วนนายเอกชัย กล่าวว่า ทุกครั้งที่เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะเราแก้ปัญหาที่ฐานรากทางเศรษฐกิจ สร้างแรงจูงใจ ให้ความรู้ หาตลาด เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน กระจายรายได้ ขยายโอกาศ เพิ่มผลผลิตเกษตรกร ดูแลปัจจัยในการผลิต สนันสนุนทุนในการทำงาน

ที่ผ่านมา 8 ปีเกษตรกรยากลำบากมาพอแล้ว รายได้ไม่พอรายจ่าย ปัจจัยการผลิต ปุ๋ย น้ำมันแพงหมด เกษตรกรเป็นหนี้สินอยู่ด้วยความยากลำบาก แต่ราคาสินค้าเกษตรไม่เพื่มขึ้น ซ้ำยังตกต่ำลง ชลประทานไม่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาเท่าที่ควร การเกษตรทั้วโลกเปลี่ยนไปหมดแล้ว คุณภาพ ผลผลิต ราคา ทุกประเทศต่างแข่งขันกันพัฒนา เราหยุดนิ่งไม่ได้ วันนี้ไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้อินเดีย ผลผลิตต่อไรต่ำกว่าเวียดนามสองเท่า คุณภาพข้าวหอมผกาลำดวลของกัมพูชาพัฒนาจนได้รับรางวัลอันดับหนึ่งแซงข้าวหอมมะลิไปเรียบร้อย เราเสียแชมป์ ทั้งคุณภาพ ราคา และ ผลผลิตต่อไร เพราะรัฐบาลไม่มีฝีมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผ่านมาในรัฐบาลนี้เศรษฐกิจเราโตต่ำที่สุดในภูมิภาคตลอด

เราหยุดนิ่งมานานพอแล้ว ถึงเวลาที่เพื่อไทย จะกลับมาเป็นรัฐบาล เรามีนโยบายที่จะนำเทคโนโลยี มาใช้ทางการเกษตร เพื่อช่วย เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกร agritech เกษตรแม่นยำ

รัฐบาลในวันข้างหน้า จะไม่ใช่รัฐบาลที่บ่นแต่ว่าสินค้าไทยไม่เป็นที่ต้องการล้นตลาดผลิตมากเกินไป ขายแต่สิ่งเดิมๆๆ แต่รัฐบาลในวันข้างหน้าจะต้องเข้าไปดูสิ่งที่โลกต้องการ ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ เจรจาทางการค้า จัดหาตลาด นำเทคโนโลยีลงสู่ดิน พัฒนาเมล็ดพันธุ์ ผลิตสินค้าคุณภาพ ที่โลกต้องการ เพื่มผลผลิตต่อไร่ และพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับตลาดดินฟ้าอากาศ เราต้องกลับมาเป็นผู้นำด้ทนนวัตรกรรมทางด้านการเกษตร สร้างสินค้าคุณภาพ ผลผลิตสูง ราคาดี สร้างรายเสริม และ รายได้ใหม่ให้กับเกษตรกร ตามนโยบายพรรคที่ว่า ดินดำ น้ำดี มีต้นพันธ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนการผลิต ถึงเวลาแล้ว ที่จะผลิกฟื้นความเป็นอยู่ของเกษตรกร เพิ่มรายได้ใหม่ เพื่อไทยคิดใหญ่ และทำเป็น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img