วันจันทร์, กันยายน 30, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘เจ๋ง-การ์ตูน’ยันไม่ได้เป็นแก๊งตบทรัพย์ ทิ้งบอมบ์จี้‘สื่อ’สอบ‘เมียอธิบดีกรมข้าว’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘เจ๋ง-การ์ตูน’ยันไม่ได้เป็นแก๊งตบทรัพย์ ทิ้งบอมบ์จี้‘สื่อ’สอบ‘เมียอธิบดีกรมข้าว’

“เจ๋ง” อ้างเป็นชาวนาไม่ได้เป็นแก๊งปลดทรัพย์ เชื่อเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ขู่สื่อวิจารณ์เตรียมรับหมายศาล พร้อมยกพานธูปสาบาน ทิ้งบอมบ์ให้สื่อตรวจสอบ “ภรรยาอธิบดีกรมข้าว” ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

เมื่อวันที่ 1 ก.พ.67 ที่โรงแรมรัตนโกสินธิ์ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” และน.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือ “การ์ตูน” อดีตผู้สมัครสส. พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงชี้แจงกรณีที่ตกเป็นผู้ต้องหาฐานร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ หลังตำรวจบุกจับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ปมเรียกรับทรัพย์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 3 ล้านบาท

นายยศวริศ กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับความเสื่อมเสีย ตัวของ “การ์ตูน” แทบไม่มีที่ยืนในสังคม สำหรับตนเองขอยืนยันว่าไม่ได้ถูกจับ แต่เป็นการติดต่อขอมอบตัว ที่สน.ดุสิต ตนทราบมาว่า มีหมายจับจึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มารับตัวไป โทรศัพท์ส่วนตัวถูกยึดไปตั้งแต่วันแรก ซึ่งตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ได้พยายามนั่งนึกทบทวนทุกเรื่องราวเพื่อมาเล่าให้ฟัง

นายยศวริศ เล่าย้อนว่า เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 นายศรีสุวรรณ กับตน เจอข้อพิรุธในกรมฝนหลวงเกี่ยวกับข้อทุจริต เมื่อเจอข้อพิรุธ จึงนัดหมายกันเพื่อไปร้องที่กรรมาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 20 ธ.ค. 66 เมื่อยื่นข้อร้องเรียนเสร็จสิ้น จึงมีการแถลงข่าวและโปรยเรื่องข้อทุจริตกรมการข้าว ตนกับศรีสุวรรณมีข้อมูลตรงกันเรื่องกรมการข้าวที่มีการทุจริตมหาศาล และในเย็นวันนั้น เพื่อนของตน ที่อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ก็มีการโทรศัพท์มาพูดคุยทำนองว่า อย่าไปยุ่งคนนี้ อธิบดีกรมนี้เปรียบเหมือนน้องชาย โดยคนนี้เป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน เมื่อตนเห็นว่าเป็นพรรคพวกในคืนวันที่ 20 ธ.ค. ตนก็รีบโทรไปหาอธิบดีกรมการข้าว

นายยศวริศ กล่าวต่อว่า จากนั้นเวลา 23.00 น. อธิบดีกรมการข้าวโทรกลับมา แต่ตนไม่ได้รับสาย และได้มาคุยกันอีกครั้งในเช้าวันที่ 21 ธ.ค. โดยทางอธิบดีกรมการข้าวเป็นผู้เอ่ยขอนัดหมายกินกาแฟกัน ที่โรงแรมมารวย แต่ระหว่างทางที่ตนกำลังจะไปโรงแรม ก็ขอเปลี่ยนสถานที่เป็นที่กรมการข้าว ทั้งนี้อธิบดีกรมการข้าวยังพยายามโทรตามตนหลายรอบ จากนั้นเมื่อไปถึง ตนโทรศัพท์หาเพื่อนที่ฝากฝังมาตั้งแต่แรก ว่าได้เจออธิบดีกรมการข้าวแล้ว เพื่อนคนนั้นย้ำว่า ขอให้ช่วยน้องเขา น้องเขาเป็นคนดี น้องเขาไม่มีปัญหา จากนั้นตนก็ขึ้นไปที่ห้องทำงาน เจอกับภรรยาอธิบดีรออยู่แล้วด้วย ตนจึงยืนยันว่า ที่มาวันนี้มาเพื่อช่วย ทางอธิบดีแสดงตัวว่า ตัวเขาเป็นคนเสื้อแดง ช่วยคนเสื้อแดงมาตลอด ขอยืนยันว่าไม่มีข้อกังขาใดๆ พร้อมขอบคุณที่ตนมาช่วย ตนจึงแนะนำให้จากนี้ไป อธิบดีกรมการข้าวประสานกับเลขาของตน ที่ชื่อ “การ์ตูน” ซึ่งเป็นผู้ติดตาม เมื่อจบการสนทนา ตนก็ลากลับ อธิบดีและภรรยาก็ลงไปส่งตนที่รถพร้อมกับกราบสวัสดีอีกครั้ง และย้ำว่าขอให้ช่วย

ส่วนกรณีที่ภรรยาอธิบดีไปติดต่อกับนายศรีสุวรรณ ที่บ้าน ตนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร เป็นเพียงผู้ประสาน เพียงเท่านี้ ตนขอยืนยันว่า เข้าไปช่วยไม่ได้ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งปลดทรัพย์ ตนไม่คิดเลยว่าในกรมการข้าวจะมีงูเห่า ตนเป็นชาวนา ไม่ใช่แก๊งต้องตบทรัพย์

นายยศวริศ กล่าวอีกว่า ถ้ามีการร้องเรียนก็ต้องมีการสอบสวน ถ้าคนเราไม่ผิดหรือไม่มีแผล จะมาเคลียร์ปัญหา มาเจรจาทำไม ส่วนตนไม่รู้หรอกว่า ผิดหรือถูก ตนถ้าพบพิรุธ ก็มีหน้าที่เตรียมร้องเรียนตาม ซึ่งที่ผ่านมา ตนกับศรีสุวรรณ ร้องเรียนมาหลายกรณี ส่วนมากเป็นการร้องเรียนการทุจริตองค์กร เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมา ตนไม่เคยจัดการปัญหากับใครมาก่อน และจากกรณีนี้ตนไม่ได้เงินสักบาทเดียว วันนี้ตัวของ “การ์ตูน” กำลังมีอนาคตที่ดี กำลังมีแนวทางในสังคม เขาต้องร้องไห้เสียใจทุกวัน เขาผิดตรงไหน เขาไปเป็นแก๊งตบทรัพย์เมื่อไหร่ เขามีหน้าที่แค่ไปประสานงาน ระหว่าง “ผู้ร้องเรียน” กับ “ผู้ถูกร้อง” ส่วนบุคคลใด สื่อใดที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตนกำลังให้ทนายความรวบรวมทุกกรณี ขอให้เตรียมรับหมายศาลกันให้ดี แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐเองก็เหมือนกัน ที่กล่าวหาเกินเหตุเกินควร ออกมาชี้แจงรายวันว่า จับตัวการใหญ่ ตนก็จะใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการ ทุกนายไม่เว้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเสียหายสำหรับตนมาก ซึ่งจะผิดหรือไม่ผิดใช่หรือไม่ใช่ กระบวนการทางศาลจะมีหน้าที่พิพากษา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐมาพูด จนประชาชนคนไทยทั้งประเทศมาพิพากษาตนเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นนายยศวริศ ได้ยกพานธูปเทียนและกล่าวว่า ตนขอสาบานว่าเรื่องทั้งหมดที่มีการกล่าวหาว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเองและผู้อื่น ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ หากพิสูจน์ความจริงแล้ว ใครก็ตามที่กล่าวหาตน ที่พิพากษาตน ขอให้ได้รับผลไม่ดี ขอให้ชีวิตไม่มีความสุข ขอให้ต้องรับผลจากการกระทำของตนเอง

ด้าน น.ส.พิมณัฏฐา กล่าวยืนยันว่า วันนี้ตนไม่สามารถตอบได้ว่า เป็นตัวกลางระหว่าง “ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว” กับ “ใคร” ตนไม่อยากพาดพิงถึงบุคคลอื่น ส่วนที่ตนพยายามตามยอดเงิน คือตนพยายามชี้แจงว่า หากโอนไม่ครบ ตนที่เป็นคนเจรจา จะถูกมองว่ายักยอกเงิน

ในส่วนของการแต่งตั้ง ว่าสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ นายยศวริศ บอกว่า ตนเองได้รับการแต่งตั้งช่วงเดือนพ.ย.66 และถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 18 ธ.ค. แต่ขณะเดียวกัน ขัดแย้งกับเอกสารที่ระบุว่า มีการแต่งตั้งในวันที่ 28 ก.ย. ส่วนวันแต่งตั้ง ตนเองจำเดือนที่แน่นอนไม่ได้

ส่วนที่เห็นภาพตนเองเข้าไปทำงานที่ทำเนียบฯ รวมถึงมีป้ายชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรีนั่งประชุมนั้น นายเจ๋ง ระบุว่า ตนเองเข้าออกสภาฯและทำเนียบฯ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะไปหาเพื่อน ส่วนที่มีป้ายนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบฯเป็นพูดจัดเตรียมไว้ โดยที่ไม่รู้ว่า ตนเองถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว รวมทั้งมีกระแสข่าวออกมาว่า ตนเองเข้าไปกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า ตนเองเข้าไปจริง และเข้าไปหา ดร.ธนกฤต จริง โดยเข้าไปหารือเรื่องกำไล EM เพราะได้รับข้อมูลมาว่า มีการสอบไปในทางทุจริต พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด

ส่วนข้อสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและน.ส.พิมณัฏฐา ยืนยันว่าเป็นเพียงเลขาส่วนตัว ซึ่งน.ส.พิมณัฏฐา ก็รู้จักกับครอบครัวของตนเองและลูกสาว ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวของน.ส.พิมณัฏฐา เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เห็นหน่วยก้านดี จึงเรียกมาทำงานด้วย ซึ่งทำงานร่วมกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งน.ส.พิมณัฏฐาก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่ าเรื่องความสัมพันธ์ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเลขาส่วนตัวเท่านั้น และตนเองก็รู้จักกับครอบครัวของนายเจ๋งทุกคน

นายยศวริศ ยืนยันว่า ตนเองไม่รู้จัก นายหมู (สุธี) ที่ปรึกษาของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายเอก ที่มีข้อมูลออกมาว่าเป็นตัวกลาง ส่วนที่มีการจับกุมนายเอกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ตนเองยังไม่ทราบเรื่อง ส่วนสาเหตุที่รู้จักกับนายเอกนั้น เพราะก่อนหน้านี้นายเอก เคยนำเรื่องโครงการต่างๆ มาให้ตนเองตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินที่โอนให้กัน ระหว่างนายเอก และตนเองแน่นอน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนเองยังไม่มีการพูดคุยกับนายศรีสุวรรณแต่อย่างใด ในส่วนของข้อสงสัยที่บอกว่า ตนเองและนายศรีสุวรรณต่างขั้วกันนั้น ทำไมถึงมาจับมือร้องเรียนกัน ตนเองมองว่า หากมีเรื่องทุจริตก็สามารถเข้ามาร้องเรียนตรวจสอบร่วมกันได้ เช่นเดียวกันกับที่ตนเองเคยอยู่เสื้อแดง แต่ขณะนี้ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้เข้าไปพูดคุย ชี้แจงกับนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี แล้วหรือไม่ นายยศวริศ บอกว่า รอเคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาดก่อน ถึงจะเข้าไปหาและชี้แจงอีกครั้ง พร้อมทิ้งท้ายฝากให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากได้รับข้อมูลว่ามีการเปิดบริษัทด้วยเงินสดจำนวน 600 กว่าล้าน ว่าเป็นการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

นายยศวริศ ยังยอมรับว่า มีการโทรศัพท์รายงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหารือว่ามีเหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้น จะให้ดำเนินการอย่างไร โดยรัฐมนตรีบอกเพียงว่า ให้ตนเองจัดการให้เสร็จสิ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าด้วยวิธีการใด อีกทั้งยังมีเพื่อนที่เป็นอดีตนักการเมือง แกนนำเสื้อแดง และมีการฝากฝังกับตนเองให้ช่วยเคลียร์ปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อย ตนเองจึงอาสาเข้าไปเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับอธิบดีกรมการข้าว โดยไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว

นายยศวริศ ยังยอมรับว่า รู้จักกับ “ดร.เอก” 1 ในผู้ที่ถูกตำรวจ ปปป. เข้าจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังพบความเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ของศรีสุวรรณ แต่เป็นการรู้จัก ในฐานะที่ทำธุรกิจด้วยกัน มีการพูดคุยกันในเรื่องโครงการต่างๆ เช่น โครงการวิ่ง แล้วเหตุใดเขาถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ส่วนตัวตำรวจจับจากเส้นทางการเงินที่เชื่อมต่อตัวเอง นายยศวริศ  ยืนยันว่า ไม่เคยโอนเงินหรือรับโอนเงินจาก ดร.เอก ทุกครั้งที่ไปร้องเรียนเรื่องการทุจริตหน่วยงาน ดร.เอก ไม่เคยรับรู้หรือเกี่ยวข้องเลย เหตุใดตำรวจถึงไปจับ

นายยศวริศ ยังย้ำได้ว่าสาเหตุที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ น่าจะเป็นเกณฑ์ทางการเมืองถูกกลั่นแกล้ง ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่าถูกใครกลั่นแกล้ง นายยศวริศ กล่าวว่า เป็นเพียงการสันนิษฐาน ว่าน่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ก่อนที่จะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ที่ไปเฝ้าหน้าบ้าน การทำแบบนี้เป็นการริดรอนสิทธิและคุกคาม อยากให้เลิกติดตามตัวเอง ยืนยันยังไงก็ไม่หลบหนี พร้อมสู้คดี

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img