วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกHighlight“ราเมศ”ลั่น“ปชป.คือชีวิตผม” ขอลงเขต 2 พังงา เร่งลงพื้นที่หาเสียงเต็มที่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ราเมศ”ลั่น“ปชป.คือชีวิตผม” ขอลงเขต 2 พังงา เร่งลงพื้นที่หาเสียงเต็มที่

“ราเมศ” ลั่น “ประชาธิปัตย์คือชีวิตผม” ขอลงเขต 2 พังงา เร่งลงพื้นที่หาเสียงเต็มที่ แนะปชป.ปรับโครงสร้างด้านกฎหมายพรรค ยันวางงานหมดแล้ว แต่ขอฟังบัญชา “เฉลิมชัย”คนเดียว ปัดขัดข้องใจ”จุรินทร์”

วันที่ 26 ก.พ.65 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจ และมีการวิเคราะห์และคาดการณ์กันว่า จะลาออกจากพรรคนั้น ประเด็นนี้ตนคงตอบได้เพียงสั้นๆว่า “ประชาธิปัตย์คือชีวิตผม” แต่แน่นอนว่าการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองปัญหา และอุปสรรคมีอยู่บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา และจากการลงพื้นที่ เขต 2 จังหวัดพังงา ประกอบด้วย อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอคุระบุรี และอำเภอกะปง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ที่เกิดขึ้นจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเป็นเขตเลือกตั้งที่ยังไม่มีผู้สมัครในนามพรรค ผมได้ลงไปทำพื้นที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ทราบข้อมูลที่สำคัญหลายประการ ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนในเขตพื้นที่ยังประสบปัญหาเรื่องสิทธิ การกำหนดเขตป่าของรัฐที่รุกเขตที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของประชาชนซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ปัญหากรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องต่างๆ ก็มีเป็นจำนวนมากเช่นกัน

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ถึงเวลาที่ตนขออาสาทำงานให้กับประชาชนในบ้านเกิด ด้วยกระบวนการของพรรคในเรื่องการลงสมัครส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์มีขั้นตอน ในฐานะสมาชิกพรรคขออาศัยสิทธิตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 17 ขอสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึงนี้ โดยได้ทำหนังสือแสดงเจตจำนงยื่นต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ตามกระบวนการ เพื่อให้พรรคได้พิจารณาต่อไป

“ผมคนของพรรค ทำงานให้กับพรรคตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ขณะนี้ในพื้นที่มีการปล่อยข่าวเท็จ ที่ทำให้กระทบความรู้สึกของชาวบ้านในพื้นที่และเกิดความสับสนของสมาชิกพรรคและประชาชนโดยทั่วไปว่า มีการกำหนดตัวผู้สมัครอยู่แล้ว ซึ่งความเป็นจริงนั้นพรรคยังไม่ได้มีการพิจารณาผู้สมัครในเขต 2 จังหวัดพังงาแต่อย่างใด และการประกาศตัวขอลงสมัครในนามพรรค ย่อมมีการพูดถึงในเรื่องต่างๆ มากมาย การกล่าวว่าไม่มีคนรู้จักเลย ก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็น การใช้แฮชแท็ค คำว่า #ตามหาคนรู้จัก คือที่ไปที่มา รวมถึงข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่มีการพูดถึงฐานะในตัวผม เรื่องไม่มีฐานะร่ำรวยไม่มีมีเงินทองจำนวนมากมาย เป็นลูกชาวบ้าน ไม่มีรากฐานมาจากครอบครัวนักการเมือง ก็เป็นความจริงที่ผมไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้ เมื่อเป็นลูกชาวบ้านนั่นก็หมายถึงผมเป็นฐานันดรเดียวกับชาวบ้านทุกครัวเรือน ผมไม่คิดว่าจุดนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานรับใช้ประชาชนแต่อย่างใด ผมจะไม่สิ้นหวังเพราะหากลูกชาวบ้านสิ้นหวังแล้วชาวบ้านจะหวังอะไรอีกต่อไป ขอบคุณนายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ให้โอกาสในการทำงานในพรรคประชาธิปัตย์”นายราเมศ กล่าว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้จึงมีความจำเป็นต้องใช้ทุกเวลาให้มีค่าที่สุด การลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนอาจส่งผลกระทบต่องานกฎหมายในส่วนกลางของพรรค จึงมีความจำเป็นที่ต้องขออนุญาตลดบทบาทในเรื่องกฎหมาย ซึ่งขณะนี้เมื่อประธานฝ่ายกฎหมายได้ลาออกไปแล้ว พรรคก็คงมีการปรับโครงสร้างในส่วนของตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อไปได้ แต่งานกฎหมายของพรรคหากจะให้ช่วยเหลือในเรื่องใด พร้อมรับคำสั่งจากเลขาธิการพรรคฯได้มอบหมายเป็นกรณีไป ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคส่วนมากก็เสร็จสิ้นไปแล้วพอสมควร ส่วนเรื่องร่างกฎหมายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านก็เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ในชั้นกรรมาธิการต่อไป ในคดีส่วนตัวที่มีการแจ้งความดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับหัวหน้าพรรคก็ไม่น่ากังวล ก็ไปรายงานตัวอยู่ในทุกเดือน ส่วนคดีที่ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทสืบเนื่องจากการที่ออกมาปกป้องคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีจำนำข้าว ก็ไม่น่ากังวลเช่นกัน พร้อมสู้คดี

เมื่อถามว่า จะลาออกจากตำแหน่งโฆษกพรรคด้วยหรือไม่ นายราเมศ กล่าวเพียงสั้นๆว่า “ตำแหน่งโฆษกพรรคที่ประชุมใหญ่ของพรรคเลือกผมมา”

เมื่อถามว่า เหตุใดจึงฟังคำสั่งเฉพาะนายเฉลิมชัย แต่ไม่รับคำสั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเมศ กล่าวว่า การดำเนินงานภายในของพรรค เลขาธิการพรรคเป็นผู้บริหารจัดการเรื่องนี้

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้เกิดความขุ่นเคืองใจกับหัวหน้าพรรค เนื่องจากจะมีการสนับสนุนบุคคลอื่นลงสมัครในเขตดังกล่าวแทนใช่หรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า ตามข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญทุกคนมีสิทธิ ถ้าเป็นสมาชิกพรรคต้องแข่งขันกันตามกระบวนการ และความเป็นธรรม

“นายจุรินทร์เป็นนักการเมืองคนแรกที่ผมรู้จัก และวิ่งตามในสมัยที่หาเสียงในเขต 2 จ.พังงา ไม่มีเหตุอันใดที่ผมจะไปขัดข้องหมองใจกับหัวหน้าพรรค ผมยังมีความเคารพในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีเหตุอะไรต้องน้อยใจ ผมอยู่พรรคมา 10 กว่าปี ผ่านอะไรมามากพอสมควร” นายราเมศ กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ได้ลงสมัครในเขต 2 จ.พังงา ยังจะทำงานกับพรรคหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในกระบวนการของพรรค และเชื่อมั่นว่าถ้ามีการทำโพล โพลนั้นจะให้โอกาสตน ให้ความเป็นธรรมกับตน ซึ่งเป็นหลักการปกติถ้ากระบวนการต่างๆตรงไปตรงมามีความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า ถ้าทำโพลแล้วปรากฎว่าไม่ได้ อนาคตกับพรรคจะเป็นอย่างไร นายราเมศ กล่าวว่า ถ้ายังไม่มีข้อยุติก็เป็นเรื่องของอนาคต และพร้อมยอมรับถ้ากระบวนการถูกต้องชอบธรรม ซึ่งตนเชื่อว่าจะตรงไปตรงมา เพราะพรรคเป็นสถาบันการเมือง ซึ่งหลักการทำโพลมีอยู่ว่าต้องถามทั้งสมาชิกพรรค และประชาชนทั่วไป

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำภาคใต้พรรคสร้างอนาคตไทย บ้างหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า คุยกันปกติ เพราะนายนิพิฏฐ์เป็นคนที่ตนให้ความเคารพที่สุดมากอีกหนึ่งคน แต่ไม่ได้มีการชักชวนให้ไปอยู่ด้วยและหากมีการชักชวนตนก็จะบอกคำตอบเดิมว่าพรรคประชาธิปัตย์คือชีวิต

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img