โฆษกรัฐบาล ระบุกรณีเพื่อไทยเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจริยธรรมนายกฯ และรัฐมนตรี เป็น “ประเด็นทางการเมือง” ไม่หวั่น เพราะทุกคนผ่านการตรวจคุณสมบัติก่อนรับตำแหน่ง ย้ำงบประมาณปัจจุบันเป็นผลงานเพื่อไทยจัดสรรเอง พร้อมโต้รัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ได้หนีซักฟอก แต่การเมืองถูกวางเกมให้เพื่อไทยได้ประโยชน์ทุกทางเมื่อเข้าสู่กระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ.
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยมาตรฐานจริยธรรมของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ว่า เป็นการดำเนินการในประเด็นทางการเมือง ซึ่งถือเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย แม้ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายเคยร่วมงานในรัฐบาลเดียวกันและทำงานร่วมกันได้ แต่เมื่อแยกทางกันก็นำไปสู่สถานการณ์เช่นนี้
นายสิริพงศ์ระบุว่า ฝ่ายรัฐบาลไม่กังวลต่อการถูกตรวจสอบ เนื่องจากรัฐมนตรีทุกคนผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนรับตำแหน่งแล้ว และขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยจะยื่นในประเด็นใด โดยเห็นว่า “จะยื่นอะไรก็เป็นสิทธิของเขา”
เมื่อถูกถามถึงข้อวิจารณ์จากนายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้อนุมัติงบประมาณ “แบบคาใจ” นั้น นายสิริพงศ์ชี้แจงว่า หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล งบประมาณที่ใช้อยู่ในปัจจุบันล้วนเป็นงบที่พรรคเพื่อไทยจัดสรรเองทั้งสิ้น จึงควรพิจารณาว่าจะร้องจริยธรรมในประเด็นใด และหากเห็นว่ามีปัญหา ก็ควรร้องผู้ที่บริหารจัดการงบดังกล่าวด้วย
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นส่วนใหญ่เป็น “ประเด็นการเมืองเพื่อดิสเครดิต” มิใช่ประเด็นด้านเนื้อหาหรือข้อเท็จจริง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็มักกล่าวว่าตนเองทำถูกต้องทั้งหมด แต่เมื่อเป็นฝ่ายอื่นกลับถูกมองว่าผิดไปเสียทุกเรื่อง
ในประเด็นที่นายสุทินระบุว่าไม่เคยมีรัฐบาลใดยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีเพียงพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น นายสิริพงศ์ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้เป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ตั้งแต่วันแรก และตามข้อตกลง MOA กับพรรคประชาชน ก็ไม่ได้มุ่งหาเสียง ส.ส. เพิ่มเพื่อให้เป็นเสียงข้างมากเหมือนรัฐบาลทั่วไป จึงทำให้รูปแบบการบริหารแตกต่างจากอดีต หากพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคก็มีแต่จะได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น—หากนายกฯ ยุบสภา ก็ถูกกล่าวหาว่าหนีซักฟอก แต่หากปล่อยให้มีการอภิปรายจนจบ การผ่านด่านซักฟอกจำเป็นต้องอาศัยเสียงพรรคประชาชนจนอาจถูกโจมตีว่าเป็น “พรรคค้ำรัฐบาล” และตกเป็นเหยื่อทางการเมืองต่อไป
นายสิริพงศ์ระบุด้วยว่า หากรัฐบาลไม่ผ่านการอภิปราย ผู้ที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลต่อคือพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สภาเหลืออายุเพียงปีกว่า พร้อมทิ้งท้ายว่า “เกมนี้พรรคเพื่อไทยย่อมหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน และตั้งใจไว้แล้ว เพราะในช่วง 2 ปีที่เป็นรัฐบาล ผลงานมีน้อย พอถึงเวลาก็มาเคลมกับเพื่อน”



















