ไม่จบไม่สิ้น!! สักที…กับ นโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่จนถึงทุกวันนี้ ดูเหมือนว่า…แสงสว่างที่เคยเปล่งประกายในสายตาชาวบ้าน กำลังริบหรี่ลง ริบหรี่ลง ทุกวัน!!
ด้วยสารพัดขวากหนาม…ที่กำลังบังเกิดขึ้นกับนโยบายแจกเงินหมื่นของ “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” อยู่ในเวลานี้ จนศึก “ความเห็นต่าง” กำลังลุกลามไปยัง “รมช.คลัง” และ “คณะทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” (ป.ป.ช.)
หลังป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเป็นข้อสังเกต และข้อเสนอแนะต่อครม. เพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ โดยมีข้อสรุปใน 8 ข้อ แถมด้วยรายละเอียดที่แนบมา เป็น 100 หน้า หากเปรียบเปรยก็เหมือนกับส่งหนังสือเตือน! นั่นแหล่ะ
ในรายงานที่ว่า ประมวลความได้ว่า ควรศึกษาให้ชัดว่าใครกันแน่ที่ได้รับประโยชน์ คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งห (กกต.) ควรตรวจสอบว่าเป็นนโยบายที่ตรงกับการหาเสียงไว้หรือไม่
ไม่เพียงเท่านี้!! ยังได้ย้ำไว้ชัดๆ ด้วยว่า ไทยยังไม่วิกฤติ จึงควรหันไปเน้นที่เรื่องของการกระตุ้นโครงสร้างเศรษฐกิจ
ที่สำคัญ!! การกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ในครั้งนี้เท่ากับเป็นการสร้างภาระหนี้ในระยะยาว
เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องของความเสี่ยงทางด้านกฎหมายนั้น ต้องพิจารณาให้รอบคอบ รวมไปถึงการต้องประเมินความเสี่ยงให้ชัดเจน ทั้งก่อนดำเนินการ, ระหว่างดำเนินการ ไปจนถึงหลังการดำเนินการ
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/01/78e.jpg)
ขณะเดียวกันการช่วยเหลือประชาชน ควรเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางอย่างแท้จริง ไม่ใช่ใช้วิธีการหว่าน รวมไปถึงการใช้งบประมาณพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ แต่แจกเงินเพียงครั้งเดียว จะมีความคุ้มค่ามากน้อยอย่างไร?
ในข้อมูลย้ำว่า…จากข้อมูลจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ทั้งแบงก์ชาติ ทั้งสภาพัฒน์ ทั้งกระทรวงการคลัง หรือแม้แต่นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย ต่างวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันว่า “ไม่เข้าข่ายวิกฤต” และ ยังไม่เห็นสัญญาณวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทยอีกต่างหาก
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากข้อมูล ข้อเท็จจริง ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ก็มีการประเมินกันว่าเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
แบงก์ชาติ!! บอกว่าเศรษฐกิจไทยในปี 66 น่าจะขยายตัวได้ที่ 2.4% โดยระยะปานกลาง จะมีการขยายตัวที่ 3.3% ส่วน สภาพัฒน์ ก็บอกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 66 น่าจะขยายตัวได้ที่ 2.5%
เอาเป็นว่า นับตั้งแต่ คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นต่อรัฐบาล ซึ่งก็เน้นย้ำไปที่กฎหมายการเงินการคลัง โดยเฉพาะความคุ้มค่า!! การเกิดวิกฤต!! นั่นก็หมายความว่า โครงการนี้อาจเดินถอยหลังกลับไปอีก ตามที่หลายฝ่ายหลายพวก แสดงความเป็นห่วง โดยยึดโยงนำพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เข้ามาเป็นตัวตั้ง
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2023/04/340480260_1642635016185307_7617448721056651803_n.jpg)
อย่างไรก็ตาม คำเตือนของคณะทำงานของป.ป.ช.ครั้งนี้!! ก็ทำให้รัฐบาลเสียศูนย์ไม่น้อย เพราะจากที่เคยยืนยันไทม์ไลน์การแจกเงินในเดือนพ.ค.นี้ ก็อาจมีอันต้องล่าช้าออกไปได้เหมือนกัน
หรือแม้แต่ การส่งเสียงสะท้อนกลับไปยังคณะทำงานของป.ป.ช. หากแปลความกันง่ายๆ ตามภาษาบ้านๆ ก็เข้าข่ายในลักษณะที่ว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล อะไรเทือกนี้!!
ณ จุดนี้ หลายฝ่ายต่างมองหาว่า สุดท้ายแล้วรัฐบาลจะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร? เพราะที่ผ่านๆ มา คนของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ยืนยันเสียงแข็งหนักแน่นว่า ไม่มีทางเลือกที่ 2 แน่ เพราะมั่นใจว่า โครงการนี้จะผ่านฉลุย!!
สาเหตุของความมั่นใจเพราะ…รัฐบาลเชื่อว่า การออกพ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อมาแจกเงินดิจิทัลในครั้งนี้ เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ชัดเจน รัดกุมทุกอย่าง
แต่! หากจำกันได้ ในวันมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 “นายกฯเศรษฐา” ได้พูดแบบชัดถ้อยชัดคำว่า…“ทุกคนทราบว่า หนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้คือการทำดิจิทัล วอลเล็ต ให้สำเร็จ แม้ว่าในวันนี้ เราจะเดินหน้าออกพ.ร.บ.กู้เงินก็ตาม แต่ก็ขอให้ไม่ลืมที่จะตั้งงบประมาณเผื่อไว้ ในกรณีที่ต้องใช้พัฒนาและดำเนินโครงการด้วย แต่ขอให้ตั้งอย่างสมเหตุสมผล”
นั่น!! ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นได้ว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท อาจ “เสี่ยงล่ม” ก็เป็นไปได้
ขณะที่รัฐบาลยังยืนยันเดินหน้ารักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับคะแนนเสียง ก็อาจใช้วิธีการบริหารงบประมาณมาปี 68 ใช้แทน
ก็เท่ากับว่า ไม่ได้ยกเลิก แต่อาจจำเป็นต้องเลื่อนโครงการออกไป เพราะมีอุปสรรคมากมาย หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า “รัฐบาลเศรษฐา” และ “พรรคเพื่อไทย” ก็ไม่ได้ผิดคำพูดใดๆ!! ก็เท่านั้น
………………………………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2022/07/แอดE@-65.jpeg)