วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSไม่ยุบ!ไม่เลิก! แจกเงินดิจิทัล ช้าหน่อย…หันใช้งบปี 68 แทน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ไม่ยุบ!ไม่เลิก! แจกเงินดิจิทัล ช้าหน่อย…หันใช้งบปี 68 แทน

ไม่จบไม่สิ้น!! สักที…กับ นโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่จนถึงทุกวันนี้ ดูเหมือนว่า…แสงสว่างที่เคยเปล่งประกายในสายตาชาวบ้าน กำลังริบหรี่ลง ริบหรี่ลง ทุกวัน!!

ด้วยสารพัดขวากหนาม…ที่กำลังบังเกิดขึ้นกับนโยบายแจกเงินหมื่นของ “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” อยู่ในเวลานี้ จนศึก “ความเห็นต่าง” กำลังลุกลามไปยัง “รมช.คลัง” และ “คณะทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” (ป.ป.ช.)

หลังป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเป็นข้อสังเกต และข้อเสนอแนะต่อครม. เพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ โดยมีข้อสรุปใน 8 ข้อ แถมด้วยรายละเอียดที่แนบมา เป็น 100 หน้า หากเปรียบเปรยก็เหมือนกับส่งหนังสือเตือน! นั่นแหล่ะ

ในรายงานที่ว่า ประมวลความได้ว่า ควรศึกษาให้ชัดว่าใครกันแน่ที่ได้รับประโยชน์ คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งห (กกต.) ควรตรวจสอบว่าเป็นนโยบายที่ตรงกับการหาเสียงไว้หรือไม่

ไม่เพียงเท่านี้!! ยังได้ย้ำไว้ชัดๆ ด้วยว่า ไทยยังไม่วิกฤติ จึงควรหันไปเน้นที่เรื่องของการกระตุ้นโครงสร้างเศรษฐกิจ

ที่สำคัญ!! การกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ในครั้งนี้เท่ากับเป็นการสร้างภาระหนี้ในระยะยาว

เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องของความเสี่ยงทางด้านกฎหมายนั้น ต้องพิจารณาให้รอบคอบ รวมไปถึงการต้องประเมินความเสี่ยงให้ชัดเจน ทั้งก่อนดำเนินการ, ระหว่างดำเนินการ ไปจนถึงหลังการดำเนินการ

ขณะเดียวกันการช่วยเหลือประชาชน ควรเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางอย่างแท้จริง ไม่ใช่ใช้วิธีการหว่าน รวมไปถึงการใช้งบประมาณพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ แต่แจกเงินเพียงครั้งเดียว จะมีความคุ้มค่ามากน้อยอย่างไร?

ในข้อมูลย้ำว่า…จากข้อมูลจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ทั้งแบงก์ชาติ ทั้งสภาพัฒน์ ทั้งกระทรวงการคลัง หรือแม้แต่นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย ต่างวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันว่า “ไม่เข้าข่ายวิกฤต” และ ยังไม่เห็นสัญญาณวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทยอีกต่างหาก

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากข้อมูล ข้อเท็จจริง ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ก็มีการประเมินกันว่าเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

แบงก์ชาติ!! บอกว่าเศรษฐกิจไทยในปี 66 น่าจะขยายตัวได้ที่ 2.4% โดยระยะปานกลาง จะมีการขยายตัวที่ 3.3% ส่วน สภาพัฒน์ ก็บอกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 66 น่าจะขยายตัวได้ที่ 2.5%

เอาเป็นว่า นับตั้งแต่ คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นต่อรัฐบาล ซึ่งก็เน้นย้ำไปที่กฎหมายการเงินการคลัง โดยเฉพาะความคุ้มค่า!! การเกิดวิกฤต!! นั่นก็หมายความว่า โครงการนี้อาจเดินถอยหลังกลับไปอีก ตามที่หลายฝ่ายหลายพวก แสดงความเป็นห่วง โดยยึดโยงนำพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เข้ามาเป็นตัวตั้ง

อย่างไรก็ตาม คำเตือนของคณะทำงานของป.ป.ช.ครั้งนี้!! ก็ทำให้รัฐบาลเสียศูนย์ไม่น้อย เพราะจากที่เคยยืนยันไทม์ไลน์การแจกเงินในเดือนพ.ค.นี้ ก็อาจมีอันต้องล่าช้าออกไปได้เหมือนกัน

หรือแม้แต่ การส่งเสียงสะท้อนกลับไปยังคณะทำงานของป.ป.ช. หากแปลความกันง่ายๆ ตามภาษาบ้านๆ ก็เข้าข่ายในลักษณะที่ว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล อะไรเทือกนี้!!

ณ จุดนี้ หลายฝ่ายต่างมองหาว่า สุดท้ายแล้วรัฐบาลจะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร? เพราะที่ผ่านๆ มา คนของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ยืนยันเสียงแข็งหนักแน่นว่า ไม่มีทางเลือกที่ 2 แน่ เพราะมั่นใจว่า โครงการนี้จะผ่านฉลุย!!

สาเหตุของความมั่นใจเพราะ…รัฐบาลเชื่อว่า การออกพ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อมาแจกเงินดิจิทัลในครั้งนี้ เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ชัดเจน รัดกุมทุกอย่าง

แต่! หากจำกันได้ ในวันมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 “นายกฯเศรษฐา” ได้พูดแบบชัดถ้อยชัดคำว่า…“ทุกคนทราบว่า หนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้คือการทำดิจิทัล วอลเล็ต ให้สำเร็จ แม้ว่าในวันนี้ เราจะเดินหน้าออกพ.ร.บ.กู้เงินก็ตาม แต่ก็ขอให้ไม่ลืมที่จะตั้งงบประมาณเผื่อไว้ ในกรณีที่ต้องใช้พัฒนาและดำเนินโครงการด้วย แต่ขอให้ตั้งอย่างสมเหตุสมผล”

นั่น!! ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นได้ว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท อาจ “เสี่ยงล่ม” ก็เป็นไปได้

ขณะที่รัฐบาลยังยืนยันเดินหน้ารักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับคะแนนเสียง ก็อาจใช้วิธีการบริหารงบประมาณมาปี 68 ใช้แทน

ก็เท่ากับว่า ไม่ได้ยกเลิก แต่อาจจำเป็นต้องเลื่อนโครงการออกไป เพราะมีอุปสรรคมากมาย หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า “รัฐบาลเศรษฐา” และ “พรรคเพื่อไทย” ก็ไม่ได้ผิดคำพูดใดๆ!! ก็เท่านั้น

………………………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img