จากสภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ทุกภาคส่วนต้องถามหา “ความยั่งยืน” อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมใน ธุรกิจพลังงาน ที่ปล่อยคาร์บอนในสัดส่วนสูงสุด 47% จำเป็นต้องออกโรงทำ โครงการลดการปล่อยคาร์บอนไปสู่ Net Zero ผ่านการปฏิบัติเป็นรูปธรรม ทั้งคาร์บอนที่ปล่อยเองจากกระบวนการผลิต (SCOPE 1) คาร์บอนจากการใช้ไฟฟ้า (SCOPE 2) และคาร์บอนที่ปล่อยโดยซัพพลายเชน (SCOPE 3)
ปัจจัยสำคัญในการปรับตัวสูงยุคคาร์บอนต่ำ คือ ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ธุรกิจสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถูกจุด และสามารถบอกกับชาวโลกได้ว่าทำอะไรไปบ้างที่จะช่วยลดโลกร้อน ซึ่งในยุคนี้สำคัญมาก เพราะตลาดโลก อย่างในยุโรป ถามหาสินค้าที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างแข็งขัน โดยออกมาตรการเข้มงวด เช่น CBAM หรือ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป เป็นการกำหนดราคาสินค้านำเข้าบางประเภท เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาในสหภาพยุโรป สำคัญไปกว่านั้น แหล่งเงินทุนต่างๆ มีหลักเกณฑ์พิจารณาให้กับการประกอบการสีเขียว ทั้งในส่วนของนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน สถาบันการเงิน ผู้ให้กู้ รวมถึงการคัดเลือกคนที่จะมาเป็นพันธมิตรในการทำธุรกิจ
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/01/417785226_765335245623929_3539008510894575957_n.jpg)
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งอยู่ในธุรกิจพลังงาน ได้เก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และทำโครงการต่างๆ ที่คำนึงถึงความยั่งยืนมาหลายปี และออกมาประกาศถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนตามกรอบ แนวคิด ESG ทั้งด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environment-Social-Governance/Economic) ซึ่ง OR เป็นสมาชิกของ DJSI ที่มีคะแนนเป็นลำดับที่ 1 ของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรม Retailing ได้รับรางวัล Best Sustainability Awards จาก SET Sustainability Awards 2023 และได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating 2023 ระดับสูงสุด AAA
กลยุทธ์ของ OR มี 3R ซึ่งไม่ใช่ 3R ทั่วๆไป แต่ย่อมาจาก Reduce-Remove และ Reinforce เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality พ.ศ.2573 และ Net Zero พ.ศ.2593 ไม่เฉพาะในสถานีบริการน้ำมันพีทีทีสเตชั่นที่ดำเนินการโดย OR เท่านั้น อีก 85% ของสถานีบริการที่ดำเนินการโดยผู้ค้า ก็ส่งเสริมให้ทำไปพร้อมกัน
เฉพาะในส่วนของ Reduce เป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยตัวเอง OR กำลังเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยเฉพาะในพีทีทีสเตชั่น ที่จะมีการติดตั้งโซลาร์บนหลังคา (Solar Roof) เป้าหมาย 19.9 เมกะวัตต์ (MWp) ภายในพ.ศ.2573
สำหรับ Remove สนับสนุนกิจกรรมการกักเก็บคาร์บอนแบบธรรมชาติด้วยการเพิ่มพื้นที่ป่าร่วมกับกรมป่าไม้ 1,500 ไร่ และสนับสนุนการบำรุงรักษาป่าชุมชนร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงอีก 8,100 ไร่
ขณะที่ Reinforce เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจสีเขียวหรือคาร์บอนต่ำ (Green Portfolio) หลักๆคือ ขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Station Pluz 7,000 หัวชาร์จ แบบ DC (Direct current charge) ภายในพ.ศ.2573 หากรวมทุกรูปแบบจะเพิ่มเป็น 10,000 หัวชาร์จ
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/01/551904_0.jpg)
“สุชาติ ระมาศ” ผู้อำนวยการใหญ่ OR บอกว่า มีแผนที่จะทำ EV HUB เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะทั้งรถเล็กและรถใหญ่ที่มีจำนวนมากขึ้น อาจสร้างบนพื้นที่ข้างๆ พีทีทีสเตชั่นที่มีอยู่ เริ่มต้น 10 จุด บริเวณเส้นทางออกนอกเมืองไปยังสายเหนือ สายอีสาน เป็นต้น คาดว่าไตรมาส 3 ปีนี้น่าจะเริ่มเห็นได้ เงินลงทุนต่อแห่งราวๆ 50 ล้านบาท รูปแบบเป็นเหมือนสถานีบริการน้ำมัน แต่จะมีเฉพาะหัวชาร์จไฟฟ้าเท่านั้น รองรับการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น
สำหรับการลดปริมาณขยะ OR นำร่องในหลายเรื่องในการทำ Circular Economy ตั้งแต่การริเริ่มคัดแยกขยะในโครงการแยกแลกยิ้มโดยขยายผลไปสู่โรงเรียน การใช้แก้วร้อนและหลอดย่อยสลายได้ การนำน้ำมันพืชใช้แล้วจากร้านเท็กซัส ชิคเก้น ผลิตเป็น B 100 ผสมเป็นไบโอดีเซลจำหน่าย และสนับสนุนการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและวัสดุ Upcycling เช่น เสื้อและผ้ากันเปื้อนของพนักงานบาริสต้า ในร้านคาเฟ่อเมซอนที่ผลิตจาก ขวด PET การผลิตเฟอร์นิเจอร์จากเยื่อหุ้มเมล็ดกาแฟ เป็นต้น ซึ่ง OR จะสามารถลดขยะพลาสติกได้ถึง 4,500 ตันได้ภายในพ.ศ.2573
ทั้งนี้ตามแผน 5 ปี ระหว่างพ.ศ.2567-2571 OR จะจัดสรรเงินลงทุนสำหรับธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมประมาณ 8,000 ล้านบาทหรือเท่ากับ 12% ของเงินลงทุนรวม หลักๆจะเป็นการลงทุนในธุรกิจสะอาดอย่าง EV Ecosystem การติดตั้งโซลาร์บนหลังคา เป็นต้น
ทางด้านสังคม คีย์สำคัญของ OR จะดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตรงนี้คาเฟ่ อเมซอนเข้ามาเป็นพระเอกอีก “ดิษทัต ปันยารชุน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR บอกโครงการที่น่าสนใจว่า มีแผนที่จะทำโครงการอุทยานอเมซอน (Amazon Park) บนพื้นที่ 600ไร่ จังหวัดลำปาง เพื่อพัฒนาวิจัยและเพาะพันธุ์ต้นกล้ากาแฟคุณภาพ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อคัดเลือกและพันธุ์กาแฟที่มีคุณภาพมาส่งเสริมให้เกษตรกรเอาไปเพาะปลูก แล้ว OR ก็จะรับซื้อเมล็ดกาแฟในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งต้นกาแฟพันธุ์อาราบิกาจะต้องปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่เท่ากับเป็นการส่งเสริมปลูกป่าด้วย รวมทั้งยังลดการนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศด้วย
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/01/551886_0-1-1024x683.jpg)
“เพราะตอนนี้ความนิยมดื่มกาแฟ ทำให้เมล็ดกาแฟไม่พอใช้ในประเทศ ปัจจุบันไทยมีความต้องการมากถึง 80,000 ตันต่อปี แต่ผลิตในประเทศได้เพียง 20,000 ตันต่อปี โดยคาเฟ่ อเมซอน ที่ถือว่าเป็นผู้บริโภคเมล็ดกาแฟรายใหญ่ มีความต้องการมากถึง 6,000 ตันต่อปี Amazon Park จะช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตกาแฟในไทยเพิ่มขึ้นได้ราว 2,000 ตันต่อปี และยังสามารถทำคาร์บอนเครดิตได้ด้วย มากกว่าไปกว่านั้นจะนำเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวมาจับอีกทางพัฒนาให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดลำปาง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองรอง สร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น เราจะได้เห็น Amazon Park เฟสแรก 300 ไร่ ในปีนี้ 2567 และจะเปิดอย่างเป็นทางการเพื่อให้ประชาชนเข้ามาท่องเที่ยวได้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เรียกว่ายิงปืนนัดเดียววินวินทุกเรื่อง”ดิษทัต อธิบาย
คอนเซปต์ที่ว่า ถ้าชาวบ้านรอด-ธุรกิจก็รอด ดังนั้น OR จึงดึงคนในชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน ทั้งจาก Amazon Park ที่จะสร้างขึ้น และโครงการ ไทยเด็ด ที่ OR เข้าไปส่งเสริมคนตัวเล็กตัวน้อย หรือวิสาหกิจชุมชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมกับสนับสนุนช่องทางการตลาด ทั้งในพีทีที สเตชั่น และการออกงานต่างๆ การเปิดพื้นที่พีทีที สเตชั่น ให้เกษตรกรนำสินค้ามาขาย ช่วยดึงราคาสินค้าเกษตรไม่ให้ตกต่ำสำเร็จ หรือแม้แต่การเปิดให้เป็นพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และเปิดคลินิกรักษาพยาบาล “โอบอ้อมคลินิก” ให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานที่ผนวกรวมเข้ากับบริการพบแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/01/IMG_9736.jpg)
นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการทางการได้ยิน ผู้พิการทางร่างกาย ทหารผ่านศึก เยาวชนที่ขาดโอกาส และผู้สูงอายุเข้ามาเป็นพนักงานในร้านคาเฟ่ อเมซอนด้วย ตามโครงการ “Café Amazon for Chance” เพื่อให้เป็น “กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก” ซึ่งตอนนี้มี 279 สาขาใน 44 จังหวัดที่จ้างงานแล้ว ทุกอย่างไม่ได้มาฟรี ต้องลงทุน
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/01/4.12-Amazon-for-chance-ภาพกว้างนอกร้าน-0082-2.jpg)
“ดิษทัต ปันยารชุน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า การเป็นผู้ประกอบการที่คำนึงถึงความยั่งยืน OR ได้ Integrate เข้าไปในธุรกิจเลย โดยหลักๆจะค่อยๆเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด ซึ่งไม่ได้มองการลงทุนเหล่านี้เป็นภาระหรือต้นทุน แล้วก็ไม่ได้มองแต่ผลกำไรอย่างเดียว แต่ต้องการให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับสังคมชุมชนและดูแลสิ่งแวดล้อม ถึงจะเรียกว่าเป็นความยั่งยืนอย่างแท้จริง
………………………….
คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน
โดย “สายัญ สัญญา”