วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 5, 2024
spot_imgspot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“Oil & Gas Industry” ช่วงเปลี่ยนผ่าน “Net Zero”
spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“Oil & Gas Industry” ช่วงเปลี่ยนผ่าน “Net Zero”

Oil & Gas Industry in Net Zero Transitions

“….การนำเข้าน้ำมันดิบของยุโรป เปลี่ยนจากการนำเข้าจากภูมิภาคตะวันออกกลาง มาเป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นหลัก สหรัฐฯกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมัน และก๊าซที่สำคัญ และเป็นรายใหญ่ที่สุดในโลก มิใช่ภูมิภาคตะวันออกกลางอีกต่อไป ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออก Shale Gas & Oil ของสหรัฐฯ มีมูลค่ามากถึง 57 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า GDP ของประเทศไทยถึงประมาณ 3 เท่า ..”

การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคพลังงาน Structural Changes in the Energy Sector กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วพอที่จะทำให้ความต้องการน้ำมัน และก๊าซ ไปถึงจุดสูงสุดได้ภายในสิ้นทศวรรษนี้ภายใต้การกำหนดนโยบายในปัจจุบัน ..อย่างไรก็ตาม หลังจากจุดสูงสุดแล้ว ความต้องการยังมิได้ถูกกำหนดให้ลดลงเร็วพอที่จะสอดคล้องกับข้อตกลงปารีส Paris Agreement และเป้าหมายที่จุดเล็ง 1.5°C แต่หากภาครัฐของนานาชาติ และประชาคมโลก ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาด้านพลังงาน และสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศอย่างเต็มที่ ความต้องการน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Demand ก็จะลดลงต่ำกว่าระดับปัจจุบันถึง 45% ภายในปี 2593 และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น อาจถูกจำกัดไว้ได้ที่ 1.7°C .. ทั้งนี้ หากภาครัฐของแต่ละประเทศ ประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายอุณหภูมิ 1.5°C และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานทั่วโลกลดเหลือเป็นศูนย์สุทธิ Global Energy Sector Reach Net Zero ภายในกลางศตวรรษ นั่นหมายถึงการใช้น้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Use จะต้องลดลง 75% ถึงปี 2593 ..

The IEA’s Report ‘Emissions from Oil and Gas Operations in Net Zero Transitions’ | Credit : IEA

ข้อมูลรายงานสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA ฉบับล่าสุด ได้สำรวจตรวจสอบว่า บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies สามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ศูนย์สุทธิ Accelerate Net Zero Transitions และอาจส่งผลอย่างไรต่ออุตสาหกรรมที่ปัจจุบัน จัดหาพลังงานมากกว่าครึ่งหนึ่งทั่วโลก และมีพนักงานเกือบ 12 ล้านคนทั่วโลก .. ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา รายได้ต่อปีที่เกิดจากอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Annual Revenues Generated by the Oil & Gas Industry มีมูลค่าเฉลี่ยเกือบ 3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และประมาณครึ่งหนึ่งตกเป็นของภาครัฐ ในขณะที่ 40% กลับไปสู่การลงทุน และ 10% ถูกส่งคืนให้กับผู้ถือหุ้น หรือใช้เพื่อชำระหนี้ ..

ผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Transitions นั้น ยังห่างไกลจากความสม่ำเสมอ และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน .. อุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry ครอบคลุมผู้เล่นที่หลากหลาย ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงานรายเล็กที่เชี่ยวชาญเฉพาะ ไปจนถึงบริษัทน้ำมันระดับชาติขนาดใหญ่ National Oil Companies : NOCs แม้ว่าความสนใจมักจะมุ่งเน้นไปที่บทบาทของผู้เล่นระดับนานาชาติรายใหญ่ 7 ราย แต่ด้วยข้อเท็จจริงแล้ว พวกเขาถือหุ้นน้อยกว่า 13% ของการผลิต และสำรองน้ำมัน และก๊าซทั่วโลก .. อย่างไรก็ตาม ในแง่มุมด้านกำลังผลิตนั้น บริษัทน้ำมันระดับชาติขนาดใหญ่ National Oil Companies : NOCs เหล่านี้ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการผลิตทั่วโลก และเกือบ 60% ของปริมาณสำรองน้ำมัน และก๊าซของโลก ดังนั้นบริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies รายใหญ่ที่กล่าว จะต้องปรับตัวให้มากกว่านี้ และจะมัวแต่นิ่งเฉยอยู่เหมือนที่ผ่านมาไม่ได้อีกต่อไป ..

ทั้งนี้ การมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry กับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด Clean Energy Transitions คือหัวข้อสำคัญในการประชุม COP28 ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นไป เมื่อปลายปี 2566 แต่การอภิปรายจะยังคงดำเนินต่อไปนอกเหนือจากการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติในดูไบ UN Climate Summit in Dubai เนื่องจาก ปัจจุบันผู้ผลิตน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Producers คิดเป็นเพียง 1% ของการลงทุนพลังงานสะอาดทั้งหมดทั่วโลก Total Clean Energy Investment Globally เท่านั้น รวมทั้ง ในการนี้ เงินลงทุนสำหรับพลังงานสะอาดมากกว่า 60% ยังมาจากบริษัทเพียง 4 แห่ง จากผู้ผลิตน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Producers หลายพันรายทั่วโลกในปัจจุบัน ..

ในขณะนี้ และจากนี้ไป การร่วมแสดงบทบาทนำให้เป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกไปสู่ระบบพลังงานสะอาด World’s Transition to a Clean Energy System ของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซโดยรวม Oil & Gas Industry as a Whole นั้น ได้กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานทั่วโลกลดลงเข้าสู่ศูนย์สุทธิ Global Energy Sector Reach Net Zero ภายในกลางศตวรรษนี้ สามารถบรรลุความสำเร็จได้ในที่สุด ..

แม้ว่าจะยังไม่มีพิมพ์เขียวสำหรับการเปลี่ยนแปลง แต่มีองค์ประกอบหนึ่งที่สามารถ และควรต้องบรรจุอยู่ในกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่าน Transition Strategies ของบริษัทฯ ทั้งหมด นั่นก็คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของอุตสาหกรรมเอง Reducing Emissions from the Industry’s Own Operations .. ในขณะที่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตน้ำมัน และก๊าซทั่วโลกในปัจจุบันที่ผลิตโดยบริษัทที่มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้ ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องมีแนวร่วมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น และด้วยเป้าหมายที่มีทะเยอทะยานมากขึ้นอีก เพื่อให้บรรลุการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry มาพร้อมด้วย .. รวมทั้ง แม้ว่า การผลิต การขนส่ง และการแปรรูปน้ำมัน และก๊าซ Production, Transport & Processing of Oil & Gas ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลกแม้จะเพียงไม่ถึง 15% แต่ก็ถือเป็นปริมาณมหาศาลเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งหมด เช่น ในสหรัฐฯ และยุโรป ..

Positioning for Green : Oil & Gas Business in a Low Carbon World / Spectrum of 4 Future Oil and Gas Archetypes | Credit : Deloitte Insight / IEA

เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การจำกัดอุณหภูมิโลกที่จุดเล็ง 1.5°C นั้น การปล่อยก๊าซเหล่านี้ จะต้องลดลงมากกว่า 60% ภายในปี 2573 จากระดับปัจจุบัน และความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซจากการดำเนินงานด้านน้ำมัน และก๊าซทั่วโลก จะต้องเข้าใกล้ศูนย์สุทธิ Near Zero ภายในต้นปี 2583 .. สิ่งเหล่านี้ คือ เกณฑ์มาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการทั่วทั้งอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยคำนึงถึงสถานการณ์การใช้พลังงานในอนาคต .. ความเข้มข้นของการปล่อยมลพิษของผู้ปฏิบัติงานที่เลวร้ายที่สุดในปัจจุบันนั้น สูงกว่าระดับที่ดีที่สุด 5-10 เท่า ซึ่งมีเทน Methane : CH4 คิดเป็นครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซทั้งหมดจากการดำเนินงานด้านน้ำมัน และก๊าซ Total Emissions from Oil & Gas Operations .. การแก้ปัญหาการรั่วไหลของมีเทน Tackling Methane Leaks ถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด และสามารถทำได้อย่างคุ้มต้นทุน แต่พวกมัน ก็ยังมิได้เป็นเพียงสิ่งที่สำคัญที่สุดเท่านั้น ..

ความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงฟอสซิล Volatility of Fossil Fuel Prices หมายความว่า รายได้อาจผันผวนในแต่ละปี แต่สิ่งสำคัญ คือ น้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas จะมีกำไรลดน้อยลง และกลายเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ขณะเมื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ศูนย์สุทธิเร่งตัวขึ้น Energy Net Zero Transitions Accelerate .. โดยทั่วไปราคา และผลผลิต จะลดลง และความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ค้างอยู่ก็สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในภาคส่วนกลางน้ำ Midstream Sector ซึ่งรวมถึงโรงกลั่น Refineries และโรงงานแยกแก๊สสำหรับก๊าซธรรมชาติเหลว Facilities for Liquefied Natural Gas .. หากความคาดหวัง คือ อุปสงค์ และราคาเป็นไปตามสถานการณ์ตามการตั้งค่านโยบายในปัจจุบัน นั่นจะทำให้บริษัทน้ำมัน และก๊าซเอกชน Private Oil & Gas Companies ในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หากบรรลุเป้าหมายตามแผนงานด้านพลังงาน และสภาพภูมิอากาศระดับชาติที่ประกาศไว้ทั้งหมด ค่านี้จะลดลง 25% และจะลดลงถึง 60% หากโลกดำเนินไปในแนวทางที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่จุดเล็ง 1.5°C ..

ปี 2566 เพิ่งผ่านพ้นไป โครงการน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Projects ปัจจุบัน ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ผลตอบแทนเหล่านั้นมีอัตราเติบโตที่ลดลง และมีเสถียรภาพน้อยกว่า ผลการประเมินที่ผ่านมา พบว่า ผลตอบแทนจากเงินทุนที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Return on Capital Employed in the Oil & Gas Industry เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-9% ระหว่างปี 2553-2565 ในขณะที่ ปี 2566 อัตราผลตอบแทนต่อปีลดลงอยู่ที่เพียง 4.9% และผลการประเมิน ยังชี้ด้วยว่า อัตราผลตอบแทนต่อปี ระหว่างปี 2567-2570 จะลดลงอีก อยู่ที่ค่า CAGR 4.3% แต่ทว่า สำหรับโครงการพลังงานสะอาด Clean Energy Projects นั้น ได้รับการคาดหมายว่า ผลตอบแทนจากเงินลงทุนต่อปี จะอยู่ที่ค่า CAGR 8.5% และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ .. ทั้งนี้ หมายถึงผลตอบแทนของน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Returns จะแตกต่างกันอย่างมาก และจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอมากขึ้นสำหรับโครงการพลังงานสะอาด More Consistent Returns for Clean Energy Projects ในอนาคตอันใกล้จากนี้ไป ..

อุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry อยู่ในตำแหน่งที่ดีในการขยายขนาดเทคโนโลยีที่สำคัญบางประการสำหรับการเปลี่ยนผ่านเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Transitions ..

จนถึงปัจจุบัน พลังงานประมาณ 30% ที่ใช้ในระบบพลังงานเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Energy System ในปี 2593 มาจากเชื้อเพลิง และเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษต่ำ Low-Emissions Fuels & Technologies ที่อาจได้รับประโยชน์จากทักษะ และทรัพยากรของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Skills & Resources of the Oil & Gas Industry ซึ่งรวมถึงไฮโดรเจน และเชื้อเพลิงที่มีไฮโดรเจนเป็นฐาน Hydrogen : H2 & Hydrogen-Based Fuels, การดักจับ การจัดเก็บ และการใช้คาร์บอน Carbon Capture, Utilisation & Storage : CCUS, ลมนอกชายฝั่ง Offshore Wind, เชื้อเพลิงชีวภาพเหลว Liquid Biofuels, ไบโอมีเทน Biomethane และพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy เป็นต้น .. บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies คือ พันธมิตรในโครงการไฮโดรเจน Hydrogen Projects ที่วางแผนไว้จำนวนมาก ซึ่งใช้ Carbon Capture, Utilisation & Storage : CCUS และกระบวนอิเล็กโทรลิซิส Electrolysis ไปพร้อมด้วย ..

อุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry มีส่วนร่วมใน 90% ของกำลังการผลิต CCUS Capacity in Operation ในการดำเนินงานทั่วโลก .. CCUS และการดักจับทางอากาศโดยตรง Direct Air Capture เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการบรรลุการปล่อยก๊าซเป็นศูนย์สุทธิ Achieving Net Zero Emissions โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการ หรือชดเชยการปล่อยก๊าซในภาคส่วนที่ยากต่อการลดการปล่อยมลพิษ .. ในขณะนี้กำลังการผลิตลมนอกชายฝั่งเพียงประมาณ 2% ในการดำเนินงานได้รับการพัฒนาโดยบริษัทน้ำมัน และก๊าซ อย่างไรก็ตาม แผนงานต่างๆ กำลังขยายตัว และขอบเขตเทคโนโลยีสำหรับพลังงานลมนอกชายฝั่ง Offshore Wind Energy ซึ่งรวมถึงกังหันลอยน้ำในเขตทะเลลึก Floating Wind Turbines in Deeper Waters ทำให้ภาคส่วนนี้เข้าใกล้จุดแข็งของบริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies มากขึ้น .. นอกจากนี้ ทักษะและโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรม รวมถึงเครือข่ายการค้าปลีก และโรงกลั่นที่มีอยู่ ยังให้ความได้เปรียบทางอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ เช่น การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle Charging และการรีไซเคิลพลาสติก Plastic Recycling มาพร้อมด้วยเช่นกัน ..

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯต่างๆ ที่ได้ประกาศเป้าหมายในการกระจายกิจกรรมของตนไปสู่พลังงานสะอาด Diversify their Activities into Clean Energy คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1 ใน 5 ของการผลิตน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Production ในปัจจุบัน .. อุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry ลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในพลังงานสะอาดในปี 2565 หรือคิดเป็น 2.5% ของรายจ่ายลงทุนทั้งหมด Total Capital Spending .. ในรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA ล่าสุด ได้นำเสนอกรอบการทำงานใหม่สำหรับการประเมินกลยุทธ์ของบริษัทน้ำมัน และก๊าซ New Framework for Assessing the Strategies of Oil & Gas Companies และขอบเขตที่พวกเขามีส่วนสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างมีความหมาย Meaningful Contribution to Transitions .. สำหรับบริษัทผู้ผลิตที่เลือกที่จะกระจายความเสี่ยง และกำลังมองหาแนวทางเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีส Paris Agreement นั้น การวิเคราะห์กระแสเงินสดจากล่างขึ้นบนของ IEA ในสถานการณ์ 1.5°C ชี้ให้เห็นว่า ความทะเยอทะยานที่สมเหตุสมผล คือ 50% ของรายจ่ายลงทุน Capital Expenditures เพื่อไปสู่โครงการพลังงานสะอาด Clean Energy Projects ภายในปี 2573 นอกเหนือจากการลงทุนที่จำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซในกรอบแผนงาน และโครงการที่เป็นไปได้จากนี้ไป ..

บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies บางแห่ง ไม่จำเป็นต้องกระจายไปสู่พลังงานสะอาด แต่ทางเลือกอื่นก็คือ การลดการดำเนินงานแบบเดิมๆ ลงเมื่อเวลาผ่านไป บางบริษัทฯ อาจมองว่า ความเชี่ยวชาญของตนอยู่ในน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Specialization is in Oil & Natural Gas จึงตัดสินใจว่า แทนที่จะเสี่ยงกับเงินลงทุนในด้านธุรกิจที่ไม่คุ้นเคย บริษัทฯ อื่นควรจัดสรรเงินทุนนี้ดีกว่า แต่การปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเป็นศูนย์สุทธิ จะทำให้พวกเขาต้องลดขนาดกิจกรรมด้านน้ำมัน และก๊าซ ขณะเดียวกันก็ลงทุนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกรอบงานของตัวเอง ..

การถกเถียงอย่างมีประสิทธิผลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซในช่วงเปลี่ยนผ่าน Debate about the Oil & Gas Industry in Transitions Needs จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด 2 ประการ ประการแรก คือ การเปลี่ยนแปลงจะสามารถถูกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ด้วยอุปสงค์เท่านั้น Transitions Can only Be Led by Changes in Demand .. “เมื่อโลกพลังงานเปลี่ยนแปลงไป เราก็จะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน When the Energy World Changes, So Will We” ไม่ใช่การตอบสนองต่อความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่กำลังเผชิญอยู่ การมุ่งเน้นที่ไม่สมดุลในการลดอุปทานนั้นไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของราคาที่พุ่งสูงขึ้น และความผันผวนของตลาด .. ในทางปฏิบัติ ไม่มีใครมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงก่อน และมักรอให้ใครคนอื่นดำเนินการก่อน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ และเป็นระเบียบนั้น จะต้องเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกัน โดยซัพพลายเออร์ Suppliers จะทำงานร่วมกับผู้บริโภค และภาครัฐ เพื่อขยายตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ และบริการที่ปล่อยมลพิษต่ำ Expand New Markets for Low-Emissions Products & Services ..

ประการที่สอง คือ ความคาดหวัง และการพึ่งพาการดักจับ การจัดเก็บ และการใช้คาร์บอน Carbon Capture, Utilisation & Storage : CCUS ที่มากเกินไป .. การดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน หรือ CCUS เป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นในการบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ในบางภาคส่วน และสถานการณ์ แต่ไม่ใช่วิธีที่จะรักษาสถานะที่เป็นอยู่ได้ .. หากปริมาณการใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Oil & Natural Gas Consumption มีการพัฒนาตามที่คาดการณ์ไว้ภายใต้การตั้งค่านโยบายในปัจจุบัน จะต้องมีคาร์บอนที่จับได้จำนวน 32 พันล้านตันอย่างเหลือเชื่อ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ หรือจัดเก็บภายในปี 2593 ซึ่งรวมถึง 23 พันล้านตันผ่านการดักจับทางอากาศโดยตรง Direct Air Capture เพื่อจำกัดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นไว้ที่ 1.5°C .. เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอน Carbon Capture Technologies ที่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้า 26,000 เทราวัตต์ชั่วโมง Terawatt Hours : TWh จึงจะดำเนินงานได้ในปี 2593 ซึ่งมากกว่าความต้องการกำลังไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2565 และจะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี โดยตลอดจากวันนี้จนถึงกลางศตวรรษ ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับรายได้เฉลี่ยต่อปีของอุตสาหกรรมทั้งหมด Entire Industry’s Annual Average Revenue ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ..

Oil Industry Pathways in Energy Transition | Credit : LDI Training

ประเทศร่ำรวยทางเศรษฐกิจบางประเทศที่ต้องพึ่งพารายได้จากน้ำมัน และก๊าซอย่างมาก ต้องเผชิญกับทางเลือก และแรงกดดันในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน Pressures in Energy Transitions .. ทางเลือกเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่แนวโน้มที่อุปสงค์น้ำมัน และก๊าซกำลังลดลง Prospect of Falling Oil & Gas Demand อย่างต่อเนื่อง คือ ประเด็นสำคัญ .. คาดหมายได้ว่า การเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition จะสร้างแรงจูงใจอันทรงพลังเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ศูนย์สุทธิ Net Zero Transition ในขณะเดียวกันก็จะต้องมีการระบายแหล่งรายได้ที่สามารถนำมาใช้เป็นเงินทุนได้ เมื่อเทียบกับมูลค่าเฉลี่ยรายปี ระหว่างปี 2553-2565 หมายถึง รายได้สุทธิต่อหัวจากน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Per Capita Net Income from Oil & Natural Gas ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตจะลดลง 60% ในปี 2573 ในสถานการณ์ 1.5°C Scenario .. ผู้ผลิตรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติม เนื่องจากอาจประเมินมูลค่าตลาดที่รออยู่ข้างหน้าสูงเกินไป และการประเมินอันตรายที่อาจต่ำไป .. ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตหลายรายยังเผชิญความเสี่ยงอย่างหนักจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้ความมั่นคงในการจัดหาพลังงานอาจต้องหยุดชะงักลงอีกด้วยเช่นกัน ..

ความท้าทาย คือ สิ่งที่น่าเกรงขาม แต่มีกลยุทธ์ด้านพลังงานสู่ศูนย์สุทธิ Net Zero Energy Strategies ที่สามารถนำมาใช้ได้สำหรับประเทศผู้ผลิต และบริษัทน้ำมันระดับชาติ .. ประเทศร่ำรวยผู้ผลิตในปัจจุบันยังคงได้เปรียบด้านพลังงาน แม้ว่าโลกกำลังจะเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ผลิตไฮโดรคาร์บอนต้นทุนต่ำ Low-Cost Hydrocarbons รายใหญ่ในปัจจุบัน ยังมีความเชี่ยวชาญ และมีแหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Resources ที่เพียงพอ และยังมีการใช้งานน้อยเกินไป ซึ่งสามารถยึดครองตำแหน่งสำคัญในห่วงโซ่มูลค่าพลังงานสะอาด Clean Energy Value Chains และยังคงได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ Low-Emissions Industries ได้ ..

การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากวัสดุสิ้นเปลืองแบบดั้งเดิม Reducing Emissions from Traditional Supplies รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้งานปลายทาง End-Use Emissions, การจัดวางระบบพลังงานภายในประเทศให้สะอาดขึ้น Putting Domestic Energy Systems on a Cleaner Footing โดยยุติการอุดหนุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ Phasing Out Inefficient Subsidies และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด Boosting Clean Energy Deployment รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ Developing Low-Emissions Products & Services นั้น คือหนทางการก้าวไปข้างหน้าที่ยั่งยืนมากขึ้นจากนี้ไป ..

การตอบสนองเชิงกลยุทธ์ของบริษัทน้ำมัน และก๊าซ Strategic Responses of Oil & Gas Companies ..

รูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิม Traditional Business Model ของผู้เล่นที่เป็นบริษัทฯ ในอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry อยู่ภายใต้แรงกดดัน .. อย่างไรก็ตาม บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies จะประสบความสำเร็จในด้านพลังงานหมุนเวียนได้อย่างไรนั้น เชื่อมั่นว่า การลงทุนในห่วงโซ่มูลค่าพลังงานที่ยั่งยืน Investing in the Sustainable-Power Value Chain สามารถให้โอกาสในการกระจายความเสี่ยง Opportunity to Diversify และมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านในภาคอุตสาหกรรม Play a Leading Role as the Industry Transitions ..

ด้วยความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change ได้มาถึงแล้ว และมนุษยชาติ กำลังต่อสู้กับผลกระทบ และต้องเร่งดำเนินการในทุกส่วนของระบบเศรษฐกิจ All Parts of the Economy System เพื่อการนี้ .. ส่วนหนึ่งของความพยายามเหล่านี้ การเปลี่ยนผ่านไปใช้ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ Transition to a Lower-Carbon Energy System จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน Fundamental Shifts อย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับวิธีการผลิต และการใช้พลังงานทั่วโลก How Energy is Produced & Used the World Over ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้นั้น การตอบสนองเชิงกลยุทธ์จากภาคธุรกิจ Strategic Responses from Businesses โดยเฉพาะในภาคส่วนของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry กลายเป็นความจำเป็นยิ่งยวดที่ขาดไม่ได้ ..

บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จากฟอสซิล Fossil-Based Products เป็นส่วนสำคัญในการจัดหาพลังงานมายาวนาน ก็ไม่มีข้อยกเว้น .. พวกเขา จำเป็นต้องสำรวจสภาพแวดล้อมเป้าหมายการลดคาร์บอนที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน Carbon-Reduction Targets Affect Investment Decisions โดยมีความไม่แน่นอนอย่างมากว่าจะสนับสนุนการลงทุนในกิจกรรมพลังงานหมุนเวียน Support Renewable Activities ที่เป็นไปได้ต่างๆ ที่ไหน และอย่างไร เช่น การผลิตนอกชายฝั่ง Offshore Generation, การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle: EV Charging และการผลิต และการพัฒนาไฮโดรเจน Hydrogen : H2 Production & Development .. ด้วยเหตุนี้ รูปแบบการดำเนินงานสำหรับธุรกิจใหม่ และธุรกิจเดิม New & Legacy Businesses จึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ..

ตามมุมมองพลังงานทั่วโลกของ McKinsey’s Global Energy Perspective 2022 นั้น เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels เช่น น้ำมัน Oil และก๊าซธรรมชาติ Natural Gas จะยังคงสร้างส่วนแบ่งสำคัญสำหรับส่วนผสมพลังงาน Significant Share of the Energy Mix ภายในปี 2593 .. ส่วนหนึ่งเป็นเพราะด้วยวิธีที่ทั้ง 2 ผสมผสานกัน จะทำให้ความสามารถในการจ่าย และความมั่นคงในการจัดหาพลังงาน ได้รับการประกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อได้ว่า บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies อยู่ในสถานะที่ดีในการมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Well Positioned to Play a Meaningful Role in the Energy Transition .. เหตุผลนี้ รวมถึง ขนาดของการเปลี่ยนแปลงระดับโลก Global Scale Transition, ความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับ Risk Appetite of their Investors, งบดุล และสถานะเงินสดจำนวนมาก Large Balance Sheets & Cash Positions และความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าด้านพลังงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย Long-Standing Relationships with Energy Customers & Stakeholders ..

การวิเคราะห์ว่าทางเลือกเชิงกลยุทธ์ Strategic Choices สามารถช่วยสร้างห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานที่ยั่งยืน Sustainable-Power Value Chain ได้อย่างไร และได้สรุปแนวทางได้ 4 ประการที่บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies สามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Lead in the Energy Transition .. ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโมเดลธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง Developing Business Models with Customer Centricity at the Core, ปรับปรุงการจัดการพลังงาน และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความเสี่ยง Improving Energy Management & Risk-Exposure Practices, การกระจายพอร์ตการลงทุนด้านพลังงาน Diversifying Energy Portfolios และการแสวงหาความเป็นเลิศด้านเงินทุน และความสามารถของโครงการ Pursuing Capital Excellence & Project Capabilities ..

การเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ Shifting Toward Net-Zero Emissions จำเป็นต้องเปลี่ยน และแทนที่กำลังไฟฟ้า และความร้อนจากฟอสซิล Replacing Fossil-Based Electricity & Heat ด้วยพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy และพลังงานไฮโดรเจน Hydrogen Power ขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลของความต้องการพลังงานราคาไม่แพงในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง Balancing the Demand for Affordable Energy .. การคาดการณ์ถึง ปี 2573 และปี 2593 แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ สามารถส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าของอุตสาหกรรม Electrification of Industry, การขนส่ง Transportation และการก่อสร้าง Construction ขณะเดียวกัน ก็เพิ่มเชื้อเพลิง และไฮโดรเจนที่ยั่งยืนใหม่ Adding New Sustainable Fuel & Hydrogen ให้กับกระบวนการทางอุตสาหกรรม และการขนส่ง Industrial Processes & Transport ได้โดยไม่ทำให้เกิดความชะงักงันขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ..

การเปลี่ยนแปลงของบริษัทน้ำมัน และก๊าซ ในการเข้าสู่อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด Shift of Oil & Gas Companies into the Clean Energy Industry ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในความเป็นจริง บริษัทน้ำมันเอกชนระหว่างประเทศ Private International Oil Companies : IOCs และบริษัทน้ำมันที่รัฐเป็นเจ้าของ State-Owned National Oil Companies : NOCs เริ่มลงทุนในพลังงานสะอาดมากขึ้นมาก่อนแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน .. ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 บริษัทน้ำมันรายใหญ่แห่งแรกลงทุนในการผลิตพลังงานหมุนเวียนโดยการสนับสนุนการผลิตส่วนประกอบจากแสงอาทิตย์ Renewables Generation by Supporting Solar-Component Manufacturing รวมถึงการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Solar & Wind Project Development ..

เกือบ 40 ปีต่อมา บริษัทฯ รายใหญ่รายหนึ่ง ได้ซื้อหุ้นในผู้พัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป One of Europe’s Largest Solar Developers .. บริษัทฯน้ำมันรายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ได้ลงทุนหลายครั้งในช่วงต่อมา และในทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯน้ำมันเหล่านี้ ได้จัดตั้งกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน Renewables & Energy Solutions และลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในรูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย รวมถึงการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewables Generation, การขายปลีกพลังงาน Power Retail, การผลิตไฟฟ้ารูปแบบกระจาย Distributed Generation, บริการด้านพลังงาน Energy Services และการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charging ..

หนึ่งในบริษัทน้ำมันที่รัฐเป็นเจ้าของ State-Owned National Oil Companies : NOCs ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ ภายในปี 2593 รวมถึงการลงทุนที่สำคัญในด้านพลังงานหมุนเวียน Significant Investments in Renewable Energy .. บริษัทอื่นๆ มุ่งมั่นที่จะลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อสร้างธุรกิจพลังงานทดแทน Building a Renewable-Energy Business และเปิดตัวกองทุนประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อลงทุนในประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency และโซลูชั่นข้อไขพลังงานหมุนเวียน Renewable-Energy Solutions ..

ความสำเร็จของการลงทุนเหล่านี้มีความหลากหลาย แต่มีหลักฐานว่า แนวโน้มโมเมนตัม และแรงผลักจะไม่ลดลง เนื่องจากความต้องการของลูกค้าสำหรับพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น และสิ่งจูงใจด้านกฎระเบียบในการลดการปล่อยคาร์บอนให้แข็งแกร่งขึ้น .. ตลาดทุนให้ความสำคัญกับบริษัทฯที่มีโครงสร้างสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานข้ามภาคส่วนต่างๆ Energy Transition Across Sectors เช่น ผู้ผลิตเชื้อเพลิงเหลว Liquid Fuels, กำลังไฟฟ้า Power และผู้ผลิตอุปกรณ์ Equipment Manufacturers ที่เกี่ยวข้อง .. ในทางตรงกันข้าม บริษัทน้ำมัน และก๊าซรายใหญ่ Major Oil & Gas Companies ที่ลงทุนในตลาดคาร์บอนต่ำมากที่สุด ยังไม่ได้รับประโยชน์จากการประเมินมูลค่าของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ .. ในความเป็นจริง การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ข้อดีของบริษัทชั้นนำบางแห่งเริ่มเป็นรูปธรรม เมื่อมากกว่า 40% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดนั้น เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดคาร์บอนต่ำ ในขณะที่บริษัทน้ำมัน และก๊าซชั้นนำ มักจะจัดสรรน้อยกว่า 25% ของการลงทุนใหม่ไปยังพลังงานใหม่ New Investments into New Energies ..

Value Influencers : Opportunities & Risks | Credit : Deloitte Insight / IEA

บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies หลายแห่งอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Become Leaders in the Energy Transition .. นี่ไม่ใช่เพียงเพราะการเป็นบริษัทฯ ระดับโลก Global Scale Companies, ความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับ Risk Appetite of their Investors, งบดุล และสถานะเงินสดจำนวนมาก Large Balance Sheet & Cash Positions และความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าพลังงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย Long-Standing Relationships with Energy Customers & Stakeholders เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวที่เกี่ยวข้องกับโครงการนอกชายฝั่ง Offshore Projects และไฮโดรเจน Hydrogen : H2 รวมถึง การผลิต และการขนส่งเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน Sustainable-Fuel Production & Transport ที่มาพร้อมด้วย ..

ดังนั้น จากประเด็นต่างๆ ที่กล่าวถึงเหล่านี้ ผู้เล่นในอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Players สามารถนำเสนอคุณค่าที่โดดเด่น Offer Distinctive Value Propositions ใน 4 ด้านต่อไปนี้สำหรับการเปลี่ยนแปลงพลังงาน Energy Transition ได้แก่ :-

การพัฒนาโครงการนอกชายฝั่ง Offshore Project Development .. ผู้เล่นน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Players ที่มีประสบการณ์กว้างขวางในโครงการขนาดใหญ่ สามารถพัฒนา และสร้างโครงการบูรณาการ รวมถึงการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewables Generation, การผลิตไฮโดรเจน และความร้อน Hydrogen : H2 & Heat Production .. นอกจากนี้ ผู้ประมูลโครงการบางราย ยังเสนอข้อเสนอที่รวมการลงทุนด้านความร้อน และไฮโดรเจน Heat & Hydrogen : H2 Investments อีกด้วย ..

การผลิต และการขนส่งไฮโดรเจน Hydrogen : H2 Production & Transportation .. บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies มักจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของตัวเองเกี่ยวกับการผลิตไฮโดรเจนในกระบวนการกลั่น และกระบวนการทางเคมี Hydrogen : H2 Production in their Refining & Chemical Processes .. นอกจากนี้ความสามารถที่มีอยู่ในการจัดเก็บ และขนส่งก๊าซ Gas Storage & Transportation มีความเกี่ยวข้องกับการผลิต และการขนส่งไฮโดรเจน Hydrogen Production & Transportation เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันทางเคมี ทั้งก๊าซ และไฮโดรเจน Gas & Hydrogen คือก๊าซไวไฟ Flammable Gases ที่ต้องจัดเก็บไว้ภายใต้ความกดดัน และการจัดการอย่างระมัดระวัง ..

การชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า EV Charging .. ผู้เล่นทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า Players Across the Value Chain รวมถึงผู้ค้าปลีก Retailers, โรงกลั่น Refiners และผู้ผลิต Producers สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องหมายการค้า หรือแบรนด์ Brands, ความสัมพันธ์กับลูกค้า Customer Relationships, อสังหาริมทรัพย์ Real Estate และสถานีบริการน้ำมันใกล้ถนน และทางหลวง Fuel Stations Near Roads & Highways เพื่อให้บริการชาร์จเร่งด่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Fast-Charging Services for EVs ไปพร้อมด้วยได้เป็นอย่างดี ..

โซลูชั่นข้อไขการลดการปล่อยคาร์บอน Decarbonization Solutions .. ความกดดันต่อบริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies ในการลดการปล่อยคาร์บอน ได้ผลักดันให้พวกเขาพัฒนาโซลูชันข้อไขด้านเทคนิค และองค์ความรู้ Develop Technical Solutions & Know-How ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ .. บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นข้อไขการลดการปล่อยคาร์บอน Decarbonization Solutions รวมถึงการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewables Generation, การขายปลีกพลังงาน Energy Retail, แบตเตอรี่ Batteries และการดักจับ การใช้ และการจัดเก็บคาร์บอน Carbon Capture, Utilization & Storage : CCUS และเนื่องจากปัจจุบันภาคอุตสาหกรรม Industry Sector ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels และมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับซัพพลายเออร์ Long-Standing Relationships with Suppliers หมายถึง ตัวแทนในภาคอุตสาหกรรม Industry Sector Representatives จึงเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการออกแบบเส้นทางการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition Pathway นั่นเอง ..

ทั้งนี้ แนวทางที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง Customer-Centric Approach ยังเป็นพื้นฐานในการตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ 3 ข้อว่า เมื่อใด ที่ไหน และอย่างไร .. การสร้างความมั่นใจว่า ผู้เล่นในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมัน Oil Players เข้าสู่การผลิตพลังงานสะอาดคาร์บอนต่ำ Low-Carbon Clean Energy Production เมื่อมีความต้องการเพิ่มขึ้นได้เมื่อใด และสามารถลงทุนในโครงการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด รวมทั้งมีส่วนช่วยสำคัญในการกำหนดรูปแบบการดำเนินงานด้วยการคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าให้สามารถช่วยให้ผู้เล่นร่วมมือกับบริษัทฯ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Green Companies ตามพันธสัญญาสาธารณะ คือ ประเด็นสำคัญจากนี้ไป ทั้งนี้ เพื่อให้การเข้าสู่การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Emissions ภายในปี 2593 บรรลุเป้าหมายได้สำเร็จในที่สุด ..

คาดการณ์ตลาดน้ำมัน และก๊าซทั่วโลก Global Oil & Gas Market เทียบกับตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market ..

ตลาดน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Market ประกอบด้วยการขายน้ำมันดิบ Crude oil, ก๊าซธรรมชาติ Natural Gas, ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่น และยางมะตอย Refined Petroleum Products & Asphalt, น้ำมันหล่อลื่น Lubricating Oil และจาระบี Grease .. มูลค่าในตลาดนี้ คือ มูลค่าของสินค้าที่ขายโดยผู้ผลิต หรือผู้สร้างสินค้า ไม่ว่าจะขายให้กับหน่วยงานอื่น ๆ รวมถึงผู้ผลิตขั้นปลาย Downstream Manufacturers, ผู้ค้าส่ง Wholesalers, ผู้จัดจำหน่าย Distributors และผู้ค้าปลีก Retailers หรือโดยตรงต่อลูกค้าปลายทาง Directly to End Customers รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับการขายโดยไม่รวมรายได้จากการขายต่อในห่วงโซ่อุปทาน Resales along the Supply Chain ..

มูลค่าตลาด Market Value หมายถึง รายได้ที่องค์กรได้รับจากการขายสินค้า และ/หรือ บริการภายในตลาด การให้ทุน หรือการบริจาคในรูปของสกุลเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น ..

บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies หลักในตลาดน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Market ได้แก่ Royal Dutch Shell, BP plc, Saudi Aramco, Exxon Mobil, Gazprom PAO, Chevron, PJSC Lukoil, Total SA และ Rosneft เป็นต้น ..

ขนาดธุรกิจในตลาดน้ำมัน และก๊าซทั่วโลก Global Oil & Gas Market เติบโตจากมูลค่า 6,989.65 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 เป็น 7,330.80 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2566 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น อยู่ที่ค่า CAGR 4.9% .. การสู้รบในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน Russia-Ukraine War ได้ขัดขวางโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างน้อยก็ในอีกสักระยะหนึ่ง สงครามระหว่างทั้ง 2 ประเทศได้นำไปสู่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในสินค้า และบริการ และส่งผลกระทบต่อตลาดหลายแห่งทั่วโลก .. ตลาดน้ำมัน และก๊าซทั่วโลก Global Oil & Gas Market ได้รับการคาดหมายว่าจะเติบโตขึ้นเล็กน้อย เป็น 8,670.91 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2570 ทั้งนี้ อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี Compound Annual Growth Rate : CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับการลงทุนในตลาดน้ำมัน และก๊าซทั่วโลก Global Oil & Gas Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน อยู่ที่ค่า CAGR 4.3% ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2567-2570 ..

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับตลาดพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Market แล้ว พบว่า มูลค่าขนาดตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market อยู่ที่ประมาณ 970 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 และคาดว่าจะสูงถึง 2,182.99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2575 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี Compound Annual Growth Rate : CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับการลงทุนในตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน สูงกว่าอัตราการเติบโตในตลาดน้ำมัน และก๊าซทั่วโลก Global Oil & Gas Market กว่า 2 เท่า อยู่ที่ค่า CAGR มากกว่า 8.50% ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2566-2575 ..

Global Energy Transition Market 2022 – 2031 | Credit : Allied Market Research

ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition นั้น พบว่ามูลค่าในตลาดการเปลี่ยนผ่านพลังงานทั่วโลก Global Energy Transition Market มีมูลค่า 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 และคาดว่าจะสูงถึง 5.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2574 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี อยู่ที่ค่า CAGR 9.3% ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2565-2574 ..

เอเชียแปซิฟิก Asia Pacific คือ ตลาดพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Market ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 35% และเป็นที่คาดกันว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก มีการบริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Asia Pacific Region .. การพัฒนาอุตสาหกรรม และการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็วในภูมิภาค ส่งผลให้ระดับมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องการเร่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากร และการเพิ่มขึ้นของโครงการที่อยู่อาศัยในภูมิภาคยังช่วยกระตุ้นความต้องการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาด Clean Electricity มาพร้อมอีกด้วย ..

ตลาดพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Market กำลังเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย และจีน เนื่องจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น โครงการริเริ่มของภาครัฐ กำลังมีบทบาทสำคัญในการนำพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ไปใช้ในการใช้งานของผู้ใช้ปลายทางต่างๆ .. นอกจากนี้ ความต้องการกำลังไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม กำลังดึงดูดค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานแสงอาทิตย์ คาดหมายได้ว่า จีนกำลังจะกลายเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าชีวภาพ Bioelectricity รายใหญ่ที่สุด และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ด้านพลังงานลม Wind Energy, พลังงานน้ำ Hydropower และเซลล์แสงอาทิตย์ Solar Photovoltaic ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นได้จากทักษะ ทรัพยากร และโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry ที่มีอยู่ก่อนแล้วของจีนเองที่มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านสู่ศูนย์สุทธิ Net Zero Transition ในอนาคตจากนี้ไป ..

สรุปส่งท้าย ..

ในอดีต 10 ปีที่ผ่านมา ชาวโลกเคยเชื่อว่า น้ำมันดิบกำลังจะหมดลงในอีกไม่เกิน 20 ปี ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจดังกล่าว สุดท้ายกลายเป็นความเข้าใจที่ผิด เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในปัจจุบันว่า มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ยุคน้ำมันราคาถูกยืดออกไปจากปัจจุบันอีกอย่างน้อย 50 ปี ซึ่งมิใช่เกิดจากการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบใต้ดิน ใต้ก้นทะเล หรือ แหล่งใหม่ๆ แต่อย่างใด แต่เป็นการพัฒนา Shale Gas และ Shale Oil ซึ่งอยู่ในหินภูเขา ไม่ได้อยู่ใต้พื้นดิน พื้นน้ำอีกต่อไป ..

การนำเข้าน้ำมันดิบของยุโรป เปลี่ยนจากการนำเข้าจากภูมิภาคตะวันออกกลาง มาเป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯเป็นหลัก สหรัฐฯกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมัน และก๊าซที่สำคัญ และเป็นรายใหญ่ที่สุดในโลก มิใช่ภูมิภาคตะวันออกกลางอีกต่อไป ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออก Shale Gas & Oil ของสหรัฐฯ มีมูลค่ามากถึง 57 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า GDP ของประเทศไทยถึงประมาณ 3 เท่า ..

ตัวอย่างการผลิตน้ำมัน และก๊าซ ของบริษัทน้ำมัน Oil & Gas Companies ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในระยะเวลาเพียง 10 ปี และในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯผลิตน้ำมันดิบอย่างเดียวได้มากกว่า 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 19% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของทั้งโลก โดยการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มาจาก Shale Oil มีสัดส่วนถึง 51% ของการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดของสหรัฐฯ ส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯเติบโตอย่างก้าวกระโดด แตกต่างจากในอดีตอย่างมาก อุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry ของสหรัฐฯ มีมูลค่าพุ่งถึงประมาณ 8% ของ GDP ของสหรัฐฯ และมีการจ้างงานธุรกิจน้ำมันนี้มากกว่า 10 ล้านคน จนเมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาถึง ..

อย่างไรก็ตาม เมื่อในช่วงการระบาดรุนแรงของโควิด-19 มาถึงนั้น ความต้องการน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Oil & Natural Gas Demand ลดลงจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก รวมถึงการลดลงของการเดินทาง จึงทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงแบบดิ่งลงเหว ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate : WTI จึงเป็นราคาอ้างอิงแถบเมริกาเหนือ เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 16-40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งลดลงกว่า 70% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องในภาพรวมของโลกใบนี้ ..

Global Oil Demand Projects Under Various Net-Zero Scenarios | Credit : Deloitte Insight / IEA

ทั้งนี้ สถานการณ์ด้านพลังงานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากการถดถอยในธุรกิจน้ำมันในช่วงการระบาดของโควิด-19 และการสู้รบในยุโรป ตะวันออกกลาง ผนวกกับความขัดแย้งจีน-สหรัฐฯ ทำให้เกิดสถานการณ์การขาดแคลนพลังงานในยุโรป รวมถึงราคาพลังงานทั่วโลกที่ผันผวนอย่างรุนแรงนั้น กลับทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหนุนเวียน Renewable Energy หรือพลังงานสะอาดที่ราคาสูงกว่า ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ ส่งผลให้ราคาของพลังงานหมุนเวียน Renewables เหล่านี้ ลดลงเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจนถึงระดับที่แข่งขันกับเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ในตลาดปัจจุบันได้แล้ว ..

คาดกันว่า หากบริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies ไม่ปรับตัวเพื่อเข้าร่วมในกระบวนเปลี่ยนผ่านสู่ศูนย์สุทธิ Net Zero Transition แล้ว ในสหรัฐฯ เอง อาจส่งผลให้มีบริษัทฯ หลายร้อยบริษัท ต้องล้มละลาย และหากราคาพลังงานหมุนเวียน Renewables ลดลงไปมากกว่านี้อีก จะมีบริษัทฯ ในธุรกิจน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies ล้มลงมากกว่านี้อีกอย่างมากเช่นกัน .. ทั้งนี้ อ้างอิงข้อมูลในรายงานล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA พบว่า การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคพลังงาน Structural Changes in the Energy Sector กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วพอที่จะทำให้ความต้องการน้ำมัน และก๊าซ ไปถึงจุดสูงสุดได้ภายในสิ้นทศวรรษนี้ภายใต้การกำหนดนโยบายในปัจจุบัน ..

อย่างไรก็ตาม หลังจากจุดสูงสุดแล้ว ความต้องการยังมิได้ถูกกำหนดให้ลดลงเร็วพอที่จะสอดคล้องกับข้อตกลงปารีส Paris Agreement และเป้าหมายที่จุดเล็ง 1.5°C แต่หากภาครัฐของนานาชาติ และประชาคมโลก ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาด้านพลังงาน และสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศอย่างเต็มที่ ความต้องการน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Demand ก็จะลดลงต่ำกว่าระดับปัจจุบันถึง 45% ภายในปี 2593 และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น อาจถูกจำกัดไว้ได้ที่ 1.7°C .. ทั้งนี้หากภาครัฐของแต่ละประเทศ ประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายอุณหภูมิ 1.5°C และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานทั่วโลกลดเหลือเป็นศูนย์สุทธิ Global Energy Sector Reach Net Zero ภายในกลางศตวรรษ นั่นหมายถึงการใช้น้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Use จะต้องลดลง 75% ถึงปี 2593 ..

การมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry กับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด Clean Energy Transitions คือหัวข้อสำคัญในการประชุม COP28 ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นไปเมื่อปลายปี 2566 แต่การอภิปรายจะยังคงดำเนินต่อไปนอกเหนือจากการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติในดูไบ UN Climate Summit in Dubai เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Producers คิดเป็นเพียง 1% ของการลงทุนพลังงานสะอาดทั้งหมดทั่วโลก Total Clean Energy Investment Globally เท่านั้น รวมทั้งในการนี้ เงินลงทุนสำหรับพลังงานสะอาดมากกว่า 60% ยังมาจากบริษัทเพียง 4 แห่ง จากผู้ผลิตน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Producers หลายพันรายทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งถือว่า พวกเขามีส่วนร่วมน้อยเกินไปในกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด Clean Energy Transitions จึงต้องมีการจัดวางตำแหน่งของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry ใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่า การเข้าสู่การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Emissions ภายในปี 2593 นั้น เป็นไปได้ ..

ในขณะนี้ และอนาคตจากนี้ไป การร่วมแสดงบทบาทนำให้เป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกไปสู่ระบบพลังงานสะอาด World’s Transition to a Clean Energy System ของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซโดยรวม Oil & Gas Industry as a Whole นั้น ได้กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานทั่วโลกลดลงเข้าสู่ศูนย์สุทธิ Global Energy Sector Reach Net Zero ภายในกลางศตวรรษนี้ สามารถบรรลุความสำเร็จได้อย่างมั่นใจ ..

จนถึงปัจจุบัน พลังงานประมาณ 30% ที่ใช้ในระบบพลังงานเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Energy System ในปี 2593 มาจากเชื้อเพลิง และเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษต่ำ Low-Emissions Fuels & Technologies ที่อาจได้รับประโยชน์จากทักษะ และทรัพยากรของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Skills & Resources of the Oil & Gas Industry ซึ่งรวมถึงไฮโดรเจน และเชื้อเพลิงที่มีไฮโดรเจนเป็นฐาน Hydrogen : H2 & Hydrogen-Based Fuels, การดักจับ การจัดเก็บ และการใช้คาร์บอน Carbon Capture, Utilisation & Storage : CCUS, ลมนอกชายฝั่ง Offshore Wind, เชื้อเพลิงชีวภาพเหลว Liquid Biofuels, ไบโอมีเทน Biomethane และพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy เป็นต้น .. บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies คือ พันธมิตรในโครงการไฮโดรเจน Hydrogen Projects ที่วางแผนไว้จำนวนมาก ซึ่งใช้ Carbon Capture, Utilisation & Storage : CCUS และกระบวนอิเล็กโทรลิซิส Electrolysis ไปพร้อมด้วย ..

นอกจากนี้ ทักษะและโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรม รวมถึงเครือข่ายการค้าปลีก และโรงกลั่นที่มีอยู่ ยังให้ความได้เปรียบทางอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ เช่น การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle Charging และการรีไซเคิลพลาสติก Plastic Recycling มาพร้อมด้วยเช่นกัน ..

อย่างไรก็ตาม บริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies ต่างๆ ที่ได้ประกาศเป้าหมายในการกระจายกิจกรรมของพวกเขาไปสู่พลังงานสะอาด Diversify their Activities into Clean Energy คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1 ใน 5 ของการผลิตน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Production ในปัจจุบันเท่านั้น .. อุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry ลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯในพลังงานสะอาดในปี 2565 หรือคิดเป็น 2.5% ของรายจ่ายลงทุนทั้งหมด Total Capital Spending .. ในรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA ล่าสุด ได้นำเสนอกรอบการทำงานใหม่สำหรับการประเมินกลยุทธ์ของบริษัทน้ำมัน และก๊าซ New Framework for Assessing the Strategies of Oil & Gas Companies และขอบเขตที่พวกเขามีส่วนสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างมีความหมาย Meaningful Contribution to Transitions ..

สำหรับบริษัทผู้ผลิตที่เลือกที่จะกระจายความเสี่ยง และกำลังมองหาแนวทางเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีส Paris Agreement นั้น การวิเคราะห์กระแสเงินสดจากล่างขึ้นบนของ IEA ในสถานการณ์ 1.5°C ชี้ให้เห็นว่า ความทะเยอทะยานที่สมเหตุสมผล คือ 50% ของรายจ่ายลงทุน Capital Expenditures เพื่อไปสู่โครงการพลังงานสะอาด Clean Energy Projects ภายในปี 2573 นอกเหนือจากการลงทุนที่จำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซในกรอบแผนงาน และโครงการที่เป็นไปได้จากนี้ไป .. เชื่อมั่นได้ว่า การลงทุนของบริษัทน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Companies ทั้งหลายในห่วงโซ่มูลค่าพลังงานที่ยั่งยืน Investing in the Sustainable-Power Value Chain สามารถให้โอกาสในการกระจายความเสี่ยง Opportunity to Diversify และมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านในภาคอุตสาหกรรม Play a Leading Role as the Industry Transitions ได้อย่างแน่นอน ..

ในข้อเท็จจริงแล้ว โลกเรามิได้ขาดแคลนแหล่งพลังงานแต่อย่างใด ปัญหาจริงๆ อยู่ที่ประเด็นเรื่องของราคา และความมุ่งมั่น ทั้งนี้ด้วยความสำนึกที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานที่สะอาดกว่า และรักษ์โลกมากขึ้นกว่านี้ เชื่อว่า เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีมากขึ้นกว่านี้อีก รวมทั้งการผนวกการมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas Industry ที่มีศักยภาพ เงินทุน กำลังคน ทักษะ และความเชี่ยวชาญที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด Clean Energy Transitions อย่างจริงจังแล้ว คาดหมายได้ว่าโลกเราอาจไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ที่เป็นน้ำมันดิบ Crude Oil, ก๊าซธรรมชาติ Natural Gas และถ่านหิน Coal อีกต่อไปก็เป็นไปได้ในที่สุด ..

…………………………………..

คอลัมน์ : Energy Key

By โลกสีฟ้า ..

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

ขอบคุณเอกสารอ้างอิง :-

Oil & Gas Industry in Net Zero Transitions | IEA :-

https://www.iea.org/reports/the-oil-and-gas-industry-in-net-zero-transitions/executive-summary

https://www.iea.org/reports/the-oil-and-gas-industry-in-net-zero-transitions/oil-and-gas-in-net-zero-transitions

Net Zero Roadmap: A Global Pathway to Keep the 1.5 °C Goal in Reach | IEA :-

https://www.iea.org/reports/net-zero-roadmap-a-global-pathway-to-keep-the-15-0c-goal-in-reach/executive-summary

Oil & Gas Industry Faces “Moment of Truth” in Energy Transition | IEA :-

https://www.offshore-technology.com/news/oil-and-gas-industry-future-role-in-energy-transition-iea/?cf-view&cf-closed

Strategic Responses of Oil Companies | IEA :-

https://www.iea.org/reports/the-oil-and-gas-industry-in-net-zero-transitions/strategic-responses-of-companies#abstract

How Oil & Gas Companies Can Be Successful in Renewable Power | Mckinsey :-

https://www.mckinsey.com/industries/electric-power-and-natural-gas/our-insights/how-oil-and-gas-companies-can-be-successful-in-renewable-power

Global Oil and Gas Global Market | Research and Markets :-

https://www.researchandmarkets.com/report/oil-gas-exploration-production

The Global Renewable Energy Market | Precedence Research :-

https://www.precedenceresearch.com/renewable-energy-market#:~:text=The%20global%20renewable%20energy%20market%20size%20was%20reached%20at%20US,8.50%25%20from%202023%20to%202032

Energy Transition : A Significant Structural Change in an Energy System :-

https://photos.app.goo.gl/Qnj3eGJobkzRHx7a9

Net Zero Emissions Electricity & Carbon Neutrality :-

https://photos.app.goo.gl/EEjMKeZqJegVMpb16

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img