วันพุธ, พฤษภาคม 1, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ลุงตู่”ลั่นไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล!! “กองทัพ”พร้อมร่วมทำงานด้วยหมด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ลุงตู่”ลั่นไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล!! “กองทัพ”พร้อมร่วมทำงานด้วยหมด

นับถอยหลังอีกไม่กี่วันประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ ด้าน “รมว.กลาโหม” ลั่นใครจะมาเป็นรัฐบาล กองทัพพร้อมทำงานด้วย ระบุการแต่งตั้งโผทหารกลางปี เป็นไปตามพ.ร.บ.กลาโหม 

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 24  มิ.ย.66 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้ประกาศรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครบ 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน แล้ว ซึ่งถือได้ว่าการเลือกตั้งได้เสร็จสิ้นแล้ว

@@@…… แม้ว่ายังมีหลักฐานการร้องเรียนอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัคร หรือผู้ใดทุจริตการเลือกตั้ง หรือรู้เห็นกับการกระทำของคนอื่น ให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น พร้อมเปิดเผยยอด ส.ส. ที่มีเรื่องร้องเรียนจำนวน 82 ราย ก็ตาม ทั้งนี้ คาดหมายว่า กกต.จะดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยในประเด็นอื่นๆ อีกไปพร้อมด้วยจากนี้ไป ..

ดังนั้น จนถึงต้นเดือนก.ค.2566 นี้ จึงเป็นช่วงของรัฐพิธีเปิดประชุมสภาฯ อันถือเป็นพิธีการที่สำคัญของประเทศไทยที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เสมือนเป็นการประกาศให้ประชาชนได้ทราบว่า จะมีคณะบุคคลเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในการบริหารปกครองประเทศ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะประมุขของประเทศ จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธาน และมีพระราชดำรัสเปิดประชุมรัฐสภา ก่อนที่สมาชิกรัฐสภาจะเข้ารับการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั่นเอง

@@@…… จากนี้ไปจึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมืองทั้งหลายที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจะต้องร่วมรับผิดชอบขับเคลื่อนประเทศ และร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน และเพื่อให้การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของไทย สามารถเดินหน้าต่อไปได้บนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งฝ่ายความมั่นคง กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ดูเหมือนพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ได้รับเลือกตั้งมาในอันดับต้นๆ ยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ และเริ่มมีทีท่าว่าอาจนําไปสู่ความขัดแย้งในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากในการสัมมนาของพรรคการเมืองหนึ่งที่มีแกนนํา และ ส.ส. ของพรรคจํานวนมาก แสดงความไม่เห็นด้วย ที่จะให้ตําแหน่งประธานสภาฯ ตกไปเป็นของพรรคการเมืองอื่น ทั้งยังมีบางส่วนต้องการให้ไปโหวตแข่งกันในสภาฯ ซึ่งเป็นไปได้ว่า หากมีกรณีดังกล่าวเกิดข้ึนจริง ตําแหน่งประธานสภาฯ น่าจะตกเป็นของพรรคของตนได้ อีกท้ังการจับขั้วจัดต้ังรัฐบาลอาจมีการพลิกผันเกิดข้ึนได้เช่นกัน ซึ่งก็อาจเป็นเพียงการสร้างกระแส เพื่อหวังผลเชิงจิตวิทยาให้เกิดเงื่อนไขต่อรองในทางการเมืองเพื่อประโยชน์พรรคมากขึ้นก็เป็นได้

@@@…… ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงมองว่า การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ฝ่ายการเมืองจะต้องร่วมมือกันให้ดี การออกมาใช้กฎหมู่กดดัน และการลงถนนใช้ความรุนแรงผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่ควรต้องหลีกเลี่ยง ซึ่งอาจส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่กำลังไปได้ดีต้องหยุดชะงักลง ส่งผลโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งฝ่ายความมั่นคง หวังอย่างยิ่งว่าฝ่ายการเมืองจะคำนึงถึงประเด็นดังที่กล่าวนี้ให้มากเข้าไว้ ..

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า ความขัดแย้งจะยังไม่ขยายตัวออกมานอกรัฐสภาฯ จนเกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง แต่ก็ยังคงจัดเตรียมแผนปฏิบัติการ และมาตรการต่างๆ รองรับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงบนถนนผิดกฎหมายไว้พร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ประเทศชาติยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้สำเร็จได้ในที่สุด 

@@@……ที่กระทรวงกลาโหม…พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า วันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาก็จะมีการพูดคุยกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหล่าทัพต้องไปเตรียมการปรับย้ายภายใน เพื่อเสนอขึ้นมาในคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายของกลาโหม โดยยืนยันว่า ยังมีเวลาอยู่ แม้เป็นรัฐบาลรักษาการ ก็สามารถดำเนินการได้และนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากมีการเปลี่ยนรัฐบาล เป็นพรรคเพื่อไทยก็ไม่อาจแทรกแซงโผทหารได้เพราะมี บอร์ดตามพ.ร.บ.กลาโหมอยู่

ขณะนี้ “เหล่าทัพ” กำลังพิจารณาตามหลักการ ยังมีเวลา และกระทรวงกลาโหม เป็นกลไกของทุกรัฐบาล ดังนั้น “กองทัพ” ก็อยู่ภายใต้ “รัฐบาล” อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของตน หรือจะเป็นใครมา “ผบ.เหล่าทัพ” ต้องทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล เพราะรัฐบาลเป็นผู้บริหารทั้งหมด ไม่ว่าจะฝ่ายความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม

@@@……นอกจากนี้ ที่ประชุมสภากลาโหมให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ดำเนินการใน การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม ตามแผนการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหมระยะที่ 2 (พ.ศ.2566-2570) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และนำไปสู่การมีโครงสร้างอัตราการจัดหน่วยที่มีขนาดกะทัดรัดอย่างสมดุล มีจำนวนกำลังพลที่เหมาะสม รวมทั้งมียุทโธปกรณ์เทคโนโลยีที่เพียงพอและทันสมัย สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย รองรับภัยคุกคามได้ทุกรูปแบบ และสอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป ในปัจจุบัน ตลอดจนพิจารณาปรับลด ยุบ/เลิกหน่วยที่มีความซ้ำซ้อนหรือหมดความจำเป็นทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว ให้ยึดถือและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ประกอบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขอัตราของหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และเน้นย้ำกำชับหน่วยฝึกทหารใหม่ ให้ปฏิบัติตามระเบียบและหลักสูตรการฝึกทหารใหม่อย่างเคร่งครัด กรณีมีการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำผิดวินัย จะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ระเบียบข้อบังคับของทางราชการ และแบบธรรมเนียมทหารเท่านั้น

@@@……ที่อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ เสนาธิการทหารบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับ นายมุน ซึง-ฮย็อน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมคณะ ในโอกาสนี้ เสนาธิการทหารบกได้แสดงความยินดีที่ทั้งสองประเทศดำรงความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนานกว่า 64 ปี โดยที่ผ่านมาได้ปฏิบัติงานร่วมกันในหลายภารกิจ อาทิ ภารกิจการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติภารกิจการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทำให้ความสัมพันธ์ของไทยและสาธารณรัฐเกาหลีมีความแนบแน่นยิ่งขึ้น ที่สำคัญแสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมกับประชาคมโลก การเข้าเยี่ยมคารวะครั้งนี้ของเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีนับได้ว่าเป็นการแสดงไมตรีจิต และความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือทางทหาร กองทัพบกไทยยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนยิ่งขึ้นต่อไป

@@@……กองทัพเรือ…..พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ พร้อมทั้งเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการระบบสนับสนุนข้อมูลสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EWOS) ห้องปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (CSOC) และห้องศูนย์ข้อมูลกลาง (Data Center) โดยมี พลเรือโท ชยุต  นาเวศภูติกร เจ้ากรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ ให้การต้อนรับ ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบโอวาทแก่กำลังพล โดยได้ชื่นชมการปฏิบัติงานของกำลังพลในทุกระดับชั้นของกรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ ที่ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับหน่วยงาน และสามารถตอบสนองความต้องการของกองทัพเรือได้อย่างดียิ่ง ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ 

@@@……ทั้งนี้ นโยบายที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบหมายให้กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือรับผิดชอบ 5 ประการ ได้แก่ 1.ดำรงความพร้อมระบบควบคุมบังคับบัญชาสั่งการและสถานีตรวจการณ์ตามแนวความคิดของสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง 2.พัฒนาระบบติดต่อสื่อสารสนับสนุนการควบคุมบังคับบัญชาเรือดำน้ำของกองทัพเรือ 3.พัฒนาระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์รองรับการอำนวยการยุทธ์ของกองทัพเรือ 4.เสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถด้านสงครามไซเบอร์ของกองทัพเรือ ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อรองรับภัยคุกคามทางไซเบอร์ 5.พัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ

สำหรับกรมการ สื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ มีหน้าที่วางแผนอำนวยการ ประสานงาน กำกับการ และดำเนินการเกี่ยวกับการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ การสงครามอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศ การส่งกำลังและซ่อมบำรุงด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ กิจการวิทยุกระจายเสียง ตลอดจนเป็นศูนย์กลางวิทยาการด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศและกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมาย

 

………………………………….

 คอลัมน์  :“Military Key”

 โดย “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img