วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSกอ.รมน.ไม่ใช่‘ศัตรูการเมือง’ นโยบายยุบ! เหมาะสมจริงหรือ..?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กอ.รมน.ไม่ใช่‘ศัตรูการเมือง’ นโยบายยุบ! เหมาะสมจริงหรือ..?

ฝ่ายการเมืองบางกลุ่มจะเห็น “กอ.รมน.” เป็นศัตรู และมอง “กอ.รมน.” เป็นเครื่องมือของฝ่ายทหาร แต่ในความเป็นจริงอาจมิได้เป็นเช่นนั้น ศัตรูของฝ่ายการเมืองตัวจริง คือฝ่ายการเมืองด้วยกันเอง

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https: //thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 8 ก.ค.66  ผ่านไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกประธานรัฐสภา และอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 กันแล้วว่า จะเป็นใคร…? ไม่รู้ว่า ฝ่ายความมั่นคง ทหาร จะต้องทำหน้าที่ภาคสนามหรือไม่ ก็ต้องมารอดูกันต่อไป

@@@…… การประชุมร่วมรัฐสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี มีความชัดเจนแล้วว่า จะมีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค.66 ซึ่ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยืนยันเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว ขณะที่ฝ่ายการเมืองที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารเดิม อาจจะยังไม่มีการส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าแข่งขันด้วย เพื่อรักษามารยาททางการเมือง และประเมินท่าที ทั้งนี้ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีความเป็นไปได้ว่า “พิธา” อาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาถึง 376 เสียง โดยจะเห็นได้จากขณะนี้ ยังไม่มีกระแสเชิงบวกต่อ “พิธา” จาก ส.ว.มากพอ อีกทั้ง ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ให้การยอมรับ แนวนโยบายของ หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ยืนยันจะแก้ไข ม.112 และการปฏิรูปกองทัพ รวมทั้ง ยุบ กอ.รมน. บนพื้นฐานข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ข้อมูลบิดเบือนที่ไม่ถูกต้อง และเต็มไปด้วยอคติ จึงอนุมานได้ว่า ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ “พิธา” จะไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา เพียงพอที่จะเข้าสู่ตําแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ .. อย่างไรก็ตาม คาดว่าห้วงระหว่างนี้ไปจนถึงวันนัดประชุมสภาฯ พรรคก้าวไกล และองคาพยพ อาจมีการลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนมากขึ้น โดยจะใช้โอกาสนี้ สร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับนายพิธา เพื่อให้เห็นกระแสของประชาชนที่ต้องการให้ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ท้ังยังเป็นการกดดัน ส.ว.อีกทางหนึ่งด้วย 

@@@…… ด้วยความเป็นจริงแล้ว “กอ.รมน.” คือ หน่วยงานของรัฐในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถือเป็นกลไก และเครื่องมือของฝ่ายบริหารของชาติ ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ให้สำเร็จได้ด้วยการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างพลเรือน ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ หรือที่เรียกว่า ผอ.รมน. ขณะที่ “กอ.รมน.จังหวัด” มี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็น ผอ.รมน.จังหวัด ซึ่งการปฏิติงานผนึกกำลังบูรณาการร่วมกันของพลเรือน ตำรวจ ทหาร สร้างประโยชน์ได้อย่างมากมายต่อประเทศชาติ และประชาชน ซึ่งจะเกิดผลดีมากน้อยอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับความสามรถของผู้ใช้อำนาจ อันหมายถึง นายกรัฐมนตรีลงไปถึงระดับจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ใช้อำนาจ 

@@@…… ตลอดจนหน่วยงานนี้จัดโครงสร้างเป็นเครือข่ายในประชาคมข่าวกรองของประเทศอีกด้วย หมายถึงพวกเขาคือ แหล่งข้อมูลความมั่นคงสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายของบ้านเมือง ได้แก่ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว ผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ขบวนการค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพล การค้าของเถื่อน อาญากรรมข้ามชาติ รวมทั้ง ข่าวสารที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม พลังงาน อาหารของชาติ การบุกรุก ทําลายทรัพยากรป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญได้แก่ การระดมใช้กำลังพลขนาดใหญ่ อุปกรณ์เครื่องมือจำนวนมากจากภาครัฐ และเอกชน ในภารกิจการบรรเทาสาธารณภัย และภัยพิบัติของชาติ... แม้ว่าก่อนหน้านี้ ฝ่ายการเมืองบางกลุ่มจะเห็น “กอ.รมน.” เป็นศัตรู และมอง “กอ.รมน.” เป็นเครื่องมือของฝ่ายทหาร แต่ในความเป็นจริงอาจมิได้เป็นเช่นนั้น ศัตรูของฝ่ายการเมืองตัวจริง คือฝ่ายการเมืองด้วยกันเองนั่นเอง 

@@@……ขณะที่ฝ่ายบริหาร-ผู้ถืออำนาจรัฐ สามารถใช้ “กอ.รมน.” ในฐานะความร่วมมือพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองได้อีกมากมายหลากหลายมิติ .. ประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ในการยุบหน่วย “พตท.43” จนเกิดสถานการณ์รุนแรงที่กระทบต่อความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อปี 2547 ชี้ให้เห็นว่า การยุบหน่วยงาน “กอ.รมน.” นั้น เหมาะสมที่จะยกมาเป็นนโยบายภาครัฐของรัฐบาลจริงหรือไม่ ยังเป็นที่สงสัย .. ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงยังคงยืนยันว่า การแทรกแซงกิจการภายในกองทัพของฝ่ายการเมือง เป็นเรื่องปกติที่อันตราย บทเรียนการถูกแทรกแซงกลับด้วยกำลังจากฝ่ายทหาร เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียให้รอบคอบ เพื่อให้ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย และสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ได้สำเร็จในที่สุด 

@@@…….กระทรวงกลาโหม….พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับ นาย Nick Gurr (นิค เกอร์) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหมสหราชอาณาจักร และ นาย Mark Gooding (มาร์ก กุดดิง) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร ณ ห้องพระบารมีปกเกล้า กระทรวงกลาโหม โดย ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 400 ปี ทั้งในระดับราชวงศ์ และรัฐบาล ทั้งยังมีการเสริมสร้างความร่วมมือในด้าน ต่าง ๆ ระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่องด้วยความราบรื่นแน่นแฟ้นในทุกระดับ นอกจากนี้ยังได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรถือได้ว่ามีสถานะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับไทยโดยมีกลไกการหารือทวิภาคีที่สำคัญ อาทิ การหารือเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Dialogue : SD) และการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า

@@@…….สำหรับความร่วมมือทางทหารของทั้งสองประเทศนั้นมีพัฒนาการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งด้านการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ การสนับสนุนที่นั่งศึกษา การฝึกร่วม/ผสม รวมทั้งความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตลอดจนความสนใจที่จะขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยให้ครอบคลุมในหลากหลายสาขามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านไซเบอร์และการต่อต้านการก่อการร้าย และจากการแลกเปลี่ยนมุมมองกันในวันนี้กระทรวงกลาโหมไทยพร้อมทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

@@@…….ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก…พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาประจำปี 2566 ให้แก่บุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการบัตรชั้นที่ 2, บัตรชั้นที่ 3 และบัตรชั้นที่ 4 ที่สอบชิงทุนการศึกษาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก รวมจำนวน 900 ทุน ทุนละ 10,000 บาท เป็นเงิน 9,000,000 บาท โดยมี พล.ท.ชิติพัทธ์ บุญช่วย รองผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหาร ผ่านศึก และคณะผู้บริหารระดับสูงขององค์การฯ ร่วมในพิธีมอบทุน ทั้งนี้ ผู้ที่มารับทุนการศึกษาในวันนี้เป็นผู้ที่มีภูมิ ลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 47 คน สำหรับผู้ที่ได้รับทุนที่อาศัยอยู่ในส่วนภูมิภาคจะมีการมอบทุนโดยหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขต สำหรับทุนการศึกษาดังกล่าว องค์การฯ ได้มอบให้แก่บุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง รวมทั้งเป็นการสริมสร้างขวัญกำลังใจ ก่อให้เกิดแรงจูงใจให้แก่นักเรียนมีความตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป

@@@……กองบัญชาการกองทัพไทย….พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 4-6 ก.ค. 2566 เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองกองทัพ โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เดินทางไปยังกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ และได้ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ พร้อมทั้งเข้าเยี่ยมคำนับเพื่อหารือข้อราชการกับ พลเรือโท  Aaron Beng (แอรอน เบง) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสิงคโปร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ทั้งในด้านการฝึกร่วมแบบพหุภาคี ด้านไซเบอร์ การศึกษา การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง และการส่งกำลังบำรุง เพื่อประโยชน์ร่วมกัน และการรักษาความมั่นคงในภูมิภาค

@@@……ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เข้าร่วมพิธีรับเครื่องอิสริยาภรณ์ “The Darjah Utama Bakti Cemerlang (Tentera) หรือ The Distinguished Service Order (Military)” จากประธานาธิบดี Halimah Yacob (ฮาลิมะ ยาคอบ) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ที่มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ระดับ ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับกองทัพสิงคโปร์ การรับมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ในครั้งนี้ เป็นสิ่งยืนยันถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่าง กองทัพไทยกับกองทัพสิงคโปร์ ต่อไปในอนาคต

@@@……ด้าน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเอกอัครราชทูต สหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย ร่วมพิธีเปิดการฝึกผสมแพนเธอร์โกลด์ 23 ณ ค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช การฝึกผสมแพนเธอร์โกลด์ 23 เป็นการฝึกปฏิบัติการผสมทางทหารที่สำคัญ ระหว่างกองทัพไทย และ กองทัพสหราชอาณา จักรในวงรอบการจัดการฝึกฯ ปีเว้นปี โดยการฝึกฯ ครั้งแรก ดำเนินการในปี 2561 (Panther Gold 17 ใช้พื้นที่ฝึกฯ ณ จังหวัดกาญจนบุรี (พื้นที่กองทัพภาคที่ 1) และดำเนินการฝึกหมุนเวียนกองทัพภาคจนถึงปัจจุบันในครั้งนี้ ใช้พื้นที่ฝึก ณ ค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช (พื้นที่กองทัพภาคที่ 4) เป็นการฝึกยุทธวิธีทหารราบระดับกองร้อย ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ เป็นป่าและภูเขา หรือลักษณะอื่นตามผลการประชุมร่วมกับผู้แทนกองทัพสหราชอาณาจักร

@@@……การประกอบกำลังฝ่ายไทยจัดกำลังจากกองทัพบก (กองทัพภาคที่ 4 มอบหมายให้กองพลทหารราบที่ 5) และกองพันระวังป้องกัน สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย และฝ่ายสหราชอาณาจักรจัดกำลังจาก The First Battalion The Royal Gurkha Rifles ขั้นการฝึกระหว่างวันที่ 25 มิถุนายนถึง 26 กรกฎาคม 2566 ประกอบด้วย ขั้นการฝึกเตรียมการก่อนการฝึกแลกเปลี่ยน (Pre Cross Training Exercise : Pre – CTX) ขั้นการฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (Cross Training Exercise : CTX) และขั้นการฝึกภาคสนาม (Field Training Exercise : FTX) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์และพิธีปิดการฝึกฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ณ โรงเรียนบ้านทุ่งหัวนา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช

@@@……การฝึกแพนเธอร์โกลด์เปรียบสมือนเป็นสัญลักษณ์ ของความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและกองทัพสหราชอาณาจักร ซึ่งนอกจากกองทัพไทยจะได้รับประโยชน์ จากการพัฒนาขีดความสามารถและหลักนิยมทางการรบ ทักษะการใช้ยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัยแล้ว ยังเป็นการสร้างเสริมความสัมพันธ์ทางทหารกับมิตรประเทศ การฝึกในครั้งนี้ จะสามารถเสริมสร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรีของกองทัพไทย ให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศเป็นสิ่งยืนยันถึงความพร้อมของกองทัพไทย ในการรองรับกับภัยคุกคามของชาติในทุกรูปแบบซึ่งเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไป

@@@……กองทัพบก….พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างพัฒนากำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่จ่ากองในทุกระดับหน่วย โครงการเสริมสร้างพัฒนากำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่จ่ากองในทุกระดับหน่วย เกิดขึ้นจากดำริของ พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.โดยมอบหมายให้โรงเรียนเสนาธิการทหารบกเป็นหน่วยรับผิดชอบจัดการอบรมดังกล่าว โดยระดมความคิดในทุกภาคส่วนร่างโครงการนี้ขึ้น มุ่งหมายให้นายทหารชั้นประทวนที่เข้ารับการอบรมเรียนรู้ระบบวิธีคิดของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ซึ่งจะทำให้เข้าใจระบบวิธีคิดของผู้บังคับหน่วยและฝ่ายเสนาธิการเพื่อให้เกิดระบบวิธีคิดเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการเชื่อมต่อมันสมองและกระดูกสันหลังของกองทัพบกได้อย่างสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารบก รวมทั้งยกระดับให้เป็นนายทหารประทวนที่เป็นแบบอย่างและเป็นพี่เลี้ยง (Coaching and Counseling) ที่ให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสมกับกำลังพลในหน่วยและให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้บังคับหน่วย ตามสภาพแวดล้อมและภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังสร้างความเป็นผู้นำ และเป็นผู้แทนผู้บังคับบัญชาในการปกครองดูแลกำลังพลนายทหารประทวนและทหารกองประจำการให้ปฏิบัติงานและประพฤติตนด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นอย่างชัดเจน

@@@……โครงการเสริมสร้างพัฒนากำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่จ่ากองในทุกระดับหน่วย มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้งสิ้น 60 นาย ซึ่งเป็นกำลังพลจากกรมฝ่ายเสนาธิการ กรมฝ่ายกิจการพิเศษ กองทัพภาคที่ 1-4 กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ส่วนสนับสนุนการรบ และส่วนการฝึกศึกษาและพัฒนาหลักนิยม   มีกำหนดการฝึกอบรมระหว่างวันที่ 3 ก.ค. – 6 ส.ค. 2566 รวมระยะเวลาการฝึกอบรม 7 สัปดาห์ เป็นการบรรยายในห้องเรียน และการศึกษาเป็นคณะ วิชาที่ทำการฝึกอบรม ประกอบด้วย กลุ่มวิชาเตรียมความพร้อม, กลุ่มวิชาลักษณะผู้นำ, กลุ่มวิชาการจัดการในภาวะวิกฤติ, กลุ่มวิชาสื่อความหมาย, กลุ่มวิชาการปฏิบัติการ, และกลุ่มวิชาเสนาธิการกิจ ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้กล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้เข้ารับการอบรม โดยได้แสดงเจตนารมณ์ที่ต้องการจะดูแลและเข้าถึงกำลังพลทุกระดับชั้นอย่างแท้จริง จึงมีดำริให้โรงเรียนเสนาธิการทหารบกจัดการฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างพัฒนากำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่จ่ากองในทุกระดับหน่วยขึ้น ด้วยมุ่งหวังให้กำลังพลได้นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปขยายผลต่อยังหน่วยในสังกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

@@@……พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และคณะ ตรวจเยี่ยมศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายพระปกเกล้า ต.เขารูปช้าง อ.เมืองจังหวัดสงขลา โดยมี พล.ต.ปกรณ์ จันทรโชตะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 และพ.อ. เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ ผู้บังคับศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 42 ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกได้พบปะให้โอวาทแก่ครูฝึกทหารใหม่ โดยขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทของตนเอง 3 ประการคือ บทบาทในฐานะครูฝึกผู้ให้ความรู้ด้านการทหาร สร้างวินัยให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของสังคม ด้านประวัติศาสตร์ ให้ความรู้ยกย่องคุณความดีของบรรพบุรุษให้เยาวชนทราบ บทบาทในฐานะการเป็นต้นแบบอันดีงามแก่เยาวชน และบทบาทในฐานะนักประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กองทัพ มีชุดสารนิเทศ ถ่ายทอดในรูปแบบของความเป็นครูเชื่อมโยงความรู้  สึกและความปรารถนาดีของกองทัพที่มีต่อสาธารณชนภายนอกผ่านสื่อต่างๆอย่างสร้างสรรค์

@@@……กองทัพเรือ…พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีเปิดพระตำหนักพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี ณ บริเวณที่ดินกองทัพเรือ ในพื้นที่ตำบลบางปู(ท้ายบ้าน) อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นจุดพักและจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร ของกิจการเกษตรกรรมกองทัพเรือเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่กำลังพลกองทัพเรือและครอบครัว เนื่องโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย กองทัพเรือ

@@@……โดยกรมสวัสดิการทหารเรือ ได้มีการสร้างพระรูปจำลองขนาดเท่าพระองค์จริง โดยมีพิธีเททองเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 พร้อมทั้งได้ปรับปรุงพื้นที่โดยรอบพระตำหนักในบริเวณดังกล่าวให้มีความสวยงามสมพระเกียรติ และได้อัญเชิญพระรูปหล่อมาประดิษฐานเพื่อเปิดให้ประชาชนได้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล และน้อมระลึกถึงพระกรุณาคุณพระองค์ท่าน โดยพระองค์ได้ทรงริเริ่มวางรากฐานกิจการทหารเรือไทยให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง สามารถทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติทางทะเลได้อย่างดีตลอดมา ส่งผลให้กองทัพเรือไทย มีความทันสมัย มีมาตรฐานทัดเทียมนานาอารยประเทศตราบจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น ในด้านการดนตรี พระองค์ได้ทรงพระนิพนธ์เพลงที่มีเนื้อหาปลุกใจให้มีความรักชาติ กล้าหาญ ยอมสละชีวิตเพื่อชาติ โดยเพลงปลุกใจของพระองค์ นับว่าเป็นเพลงอมตะของทหารเรือ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็นอมตะอยู่ในจิตใจของทหารเรือทุกนาย และต่างซาบซึ้งในพระกรุณาคุณของพระองค์อย่างมิรู้ลืม โดยพร้อมใจกันถวายสมัญญานามพระองค์ท่านว่า “องค์บิดาของทหารเรือไทย”

@@@……พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลหน่วยงานที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2566 ให้กับหน่วยปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณหน่วยปฏิบัติงาน ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และสร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพเรือ ซึ่งมีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลดังนี้

@@@……ประเภทหน่วยปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ทางทะเลและแนวชายแดน หน่วยงานที่มีผลงานยอดเยี่ยม คือ กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 11 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานนาวิกโยธินกองทัพเรือ ได้ทำการจับกุมยาเสพติด คิดเป็นมูลค่า 740 ล้านบาทหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่น คือ สถานีเรือบ้านแพง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม ได้ทำการจับกุมยาเสพติด คิดเป็นมูลค่า 668,816,000 บาท หน่วยงานที่มีผลงานชมเชย คือ สถานีเรือโพนพิสัย หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตหนองคาย ได้ทำการจับกุมยาเสพติด คิดเป็นมูลค่า 461,969,600 บาท ประเภทหน่วยปราบปรามยาเสพติดพื้นที่ตอนในประเทศและการสนับสนุนส่วนราชการภายนอกกองทัพเรือ ยอดเยี่ยม ได้แก่ ส่วนปฏิบัติการ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ ได้ทำการจับกุมยาเสพติด คิดเป็นมูลค่า 727,200,000 บาท รวมมูลค่ายาเสพติดที่หน่วยงานทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวจับได้ทั้งสิ้น 2,597,985,600 บาท

@@@……นอกจาก หน่วยงาน ทั้ง 4 หน่วยของกองทัพเรือ  ที่ได้รับรางวัล จากผู้บัญชาการทหารเรือ ในวันนี้แล้ว  ยังมีอีกหลายหน่วยที่มีผลการปฏิบัติ ในการปราบปรามยาเสพติด ได้เป็นจำนวนมาก  โดยได้ดำเนินการตามนโยบายของ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ  ซึ่งนอกจากการจับกุมและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงของประเทศแล้ว ยังมีภารกิจในการสร้างภูมิคุ้มกันและเฝ้าระวังภายในหน่วย การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหน่วยและพื้นที่ใกล้เคียง การสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ทะเลชายฝั่งและเกาะในเขตรับผิดชอบของกองทัพเรือ มีหน้าที่ควบคุม อำนวยการ สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติของหน่วยตามโครงสร้างการจัดการเฉพาะกิจในการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งสามารถดำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ 

@@@……ทั้งนี้ ผบ.ทร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือมีภารกิจสำคัญประการหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศ โดยมีหน่วยงานกองทัพเรือในพื้นที่ต่าง ๆ รับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การวางแผน อำนวยการ และกำกับการปฏิบัติของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ โดยเฉพาะการสกัดกั้น และการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดนทางบกและทางทะเล รวมทั้งยังเป็นหน่วยงานที่ต้องสนับสนุนส่วนราชการอื่น ๆ โดยเฉพาะสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งในปี 2566 นี้ หน่วยต่าง ๆ ได้มีการจับกุมตรวจยึดยาเสพติดประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความพยายาม และความทุ่มเทของหน่วยงานภายใต้ศูนย์ป้องกันและปรามปรามยาเสพติดของหน่วยนั้น ๆ  ขอชื่นชม หน่วยงานและกำลังพล ทุกนายที่ตั้งใจ มุ่งมั่น เสียสละแรงกาย แรงใจ ปฏิบัติงานในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในความรับผิดชอบของกองทัพเรือเป็นที่ประจักษ์ นับเป็นความภาคภูมิใจและสร้างชื่อเสียงให้แก่กองทัพเรือขอให้ดำรงการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ต่อไป และพัฒนาแนวทางการปฏิบัติให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ปัญหาของยาเสพติดของประเทศไทยหมดสิ้นไป 

 ………………………………….

 คอลัมน์ :  “Military Key”

 โดย …“รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img