วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ฝ่ายความมั่นคง”สะกิดเตือน“ก้าวไกล” ถ้าไม่เปลี่ยนท่าที-อาจมีปะทะบนถนน!!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ฝ่ายความมั่นคง”สะกิดเตือน“ก้าวไกล” ถ้าไม่เปลี่ยนท่าที-อาจมีปะทะบนถนน!!!

ผบ.เหล่าทัพพร้อมใจกันลาประชุมสภาฯ ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อ้างเหตุติดภารกิจ ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าจับตามองกลุ่มเคลื่อนไหว เตือนหากพรรคการเมืองไม่เปลี่ยนท่าทีอาจมีปะทะบนถนน

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 15 ก.ค.66  ยกแรกในการเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 โดยเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเพียง 324 เสียง ไม่เกินจํานวนกึ่งหนึ่ง คือ 376 เสียง ทําให้ “พิธา” ไม่สามารถเข้าสู่ตําแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ จะเลือกอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค.66 

@@@…… ฝ่ายความมั่นคง เฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด และมีข้อสังเกตว่า ในการอภิปรายก่อนที่จะมีการลงมติ ส.ส.จากพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม และ ส.ว.ได้มีการอภิปรายเชิงวิพากษ์ถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับคุณสมบัติ และภาวะผู้นําของนายพิธาด้วยวาทะที่แหลมคม โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับกฎหมาย ม.112 ขณะที่ “พิธา” และ ส.ส.พรรคก้าวไกลได้ลุกขึ้นตอบโต้เป็นระยะ ทั้งยังพยายามดึงดันแข็งขืนยืน ยันเจตนารมณ์ในการแก้กฎหมาย ม.112 อย่างมีนัยสําคัญ รวมทั้งมิได้เกิดประโยชน์ใดต่อประชาชนผู้เคารพกฎหมาย ซึ่งคาดว่าดึงดันแข็งขืน และชี้แจงว่าจะยืนยันเจตนารมณ์เดิมต่อไปนั้น น่าจะต้องการใช้เป็นเงื่อนไขในการปลุกกระแสมวลชนให้ร่วมชุมนุมกดดันทางการเมืองอย่างต่อเนื่องในห้วงจากนี้ไป

@@@…… อย่างไรก็ตาม ในการลงมติครั้งนี้ “พิธา” ได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ว.เพียง 13 เสียง ซึ่งถือว่ามีจํานวนน้อยมาก จึงคาดหมายได้ว่าหาก “พิธา” และพรรคก้าวไกลไม่เปลี่ยนท่าที ที่ส่อให้เห็นถึงการมุ่งบ่อนทำลายสถาบัน เสียงสนับสนุนนายพิธาก็น่าจะไม่ต่างไปจากเดิมในการประชุมคร้ังต่อไป เนื่องจากคุณสมบัติพื้นฐานหลักของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประชาชน รวมทั้งจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนชาวไทยเคารพนับถือ มิใช่อ้างประชาธิปไตยพวกมากลากไปและมิใช่กฎหมู่ ทั้งนี้ การใช้วิจารณญาณของ ส.ว.นั้น เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติมาแล้วด้วยเช่นกัน หมายถึง ส.ว.ทุกคน ก็ถือเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างน้อย 16 ล้านคนด้วยเช่นกัน 

@@@…… ขณะที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มเห็นต่าง ที่ได้มีการจัดชุมนุมให้กําลังใจนายพิธาและสร้างกระแสกดดันส.ว. ทั้งที่บริเวณรัฐสภาฯ และพื้นที่ภูมิภาคบางส่วน แต่ยังไม่ปรากฏเหตุกระทบกระทั่งรุนแรง อีกทั้งมีจํานวนมวลชนไม่มากนัก โดยมวลชนแนวร่วมส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่ต่อต้านกฎหมาย ม.112 ที่เคลื่อนไหวอยู่แล้ว ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่าน่าจะไม่มีกลุ่มประชาชนที่เลือกพรรคก้าวไกลเข้าร่วมการชุมนุมด้วย อย่างไรก็ตาม ได้มีความพยายามนัดชุมนุมให้มีความต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงกระแสมวลชน และอาจจะมีจํานวนเพิ่มขึ้นบ้างในห้วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยคาดว่าการชุมนุมในระหว่างที่ยังไม่มีการโหวตครั้งที่ 2 ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ ไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าการชุมนุมใช้ความรุนแรงผิดกฎหมาย และโอกาสการปะทะกันบนถนนหลังการโหวตครั้งที่ 2 และจากนี้ไปจะไม่ขยายตัวออกไปจนเกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้เพื่อให้ชาติบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ในที่สุด

@@@…… ในวันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพและปลัดกระทรวงกลาโหมที่เป็น ส.ว.ได้แก่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมใจกันลาประชุมสภาฯ เนื่องจากติดภารกิจ ได้แก่ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ติดรับแขกต่างประเทศและมีประชุม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เดินทางไป จ.พิษณุโลก เพื่อตรวจเยี่ยมหน่วยทหารพัฒนาและงานของกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ภาคอีสาน และไปกองทัพภาคที่ 3 ภาคเหนือ ส่วน พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ไปประชุมที่ประเทศอังกฤษ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าในวันที่ 19 ก.ค.66 จะเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ผบ.เหล่าทัพจะเข้าร่วมโหวตหรือไม่ 

@@@……ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในส่วนของ 13 ส.ว.ที่โหวตให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้น พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.ให้ความเห็นว่า “ไม่สามารถตอบแทนได้ แต่เชื่อว่าทุกท่านย่อมมีดุลยพินิจ มีเหตุผล เป็นของท่านเองพวกเราทุกคน ต้องเคารพในความเห็นต่างเช่นนั้น การลงมติเห็นชอบนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะถูกบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ว่าสมาชิกรัฐสภาแต่ละคน มีการลงมติอย่างไร เพราะเป็นการลงมติครั้งแรกที่สำคัญ เห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีที่มีเครื่องหมายคำถาม เกี่ยวกับ “ความมั่นคงของชาติ” การลงมติของสมาชิกรัฐสภาเช่นไร ทุกคนมีเหตุผลแตกต่างกัน และเขาต้องมีความรับผิดชอบ และตอบคำถามให้ได้ ด้วยเหตุผลใดจึงลงมติเช่นนั้น หากมิใช่เป็นการลงมติเพื่อประเทศชาติและส่วนรวม ที่เปิดเผยเหตุผลได้ แต่เป็นการลงมติ ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สามารถตอบคำถามได้ มันจะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต ของสมาชิกวุฒิสภาผู้นั้น”

@@@……กองทัพบก….พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงพื้นที่กองทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมหน่วยในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยไปที่ฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ กองร้อยทหารพรานที่ 2308 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จากนั้นได้นำคณะเยี่ยมฐานปฏิบัติการเนิน 500 ตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรัก และเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สามารถตรวจการณ์ได้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณทิศใต้ช่องบก ซึ่งเป็นที่ตั้งอนุสรณ์ของ จ.ส.อ.สมชาย แก้วประดิษฐ์ วีรชนผู้กล้าที่ปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทย บนเนิน 500 แห่งนี้ ในสมรภูมิช่องบก ในโอกาสนี้ ผบ.ทบ. ได้กล่าวกับกำลังพลว่า มาให้กำลังใจ ขอบคุณที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน ทุ่มเท และเสียสละเพื่อประเทศชาติ ดูแลปกป้องอธิปไตย ดูแลประชาชนให้อยู่อย่างสงบร่มเย็นตามแนวชายแดน นั่นคือหน้าที่ตามกฎหมายของกองกำลังป้องกันชายแดน ที่ทุกคนมีจิตวิญญาณ ความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในประเทศของเรา โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ซึ่งทหารทุกนายได้ทำหน้าที่นี้ได้อย่างดียิ่ง

@@@……กองทัพเรือ….พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะประธานกรรมการสวัสดิการกองทัพเรือ เป็นประธานในการแถลงข่าวจัดกิจกรรมวิ่งการกุศลเพื่อสิ่งแวดล้อม “Net Zero Emission Navy Marathon 2023 ครั้งที่ 1” ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศของ ผู้บัญชาการทหารเรือ โดย กองทัพเรือ ร่วมกับ สมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของโลก หรือสภาวะโลกร้อน ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบกับประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงได้ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรม วิ่งการกุศล เพื่อสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและผลักดันการแก้ปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนด้วยการรณรงค์ และความร่วมมือจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ รวมถึงขยายผลส่งต่อถึงครอบครัวให้ร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกรูปแบบ โดยเงินรายได้จากการจัดกิจกรรมการแข่งขันวิ่งการกุศลเพื่อสิ่งแวดล้อม จะได้นำไปสมทบเข้ากองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นสวัสดิการช่วยเหลือข้าราชการ ทหาร และครอบครัวในส่วนของกองทัพเรือ

@@@…….สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จัดภายใต้แนวคิด “Net Zero Emission” โดยเป็นการรณรงค์ให้นักวิ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับรู้ และตระหนักถึงปัญหาภาวะลดโลกร้อน ด้วยการหันมาอุปโภคและบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลาสติก และการใช้พลังงานที่สะอาดจากธรรมชาติทุกมิติ รวมถึงส่งเสริมให้กำลังพลของกองทัพเรือและประชาชนโดยทั่วไป สนใจในการออกกำลังกายเล่นกีฬากันมากขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับประชาชนชาวไทยโดยรวม และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นและชุมชนข้างเคียง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

@@@…….การแข่งขันวิ่งการกุศลเพื่อสิ่งแวดล้อม “Net Zero Emission Navy Marathon 2023 ครั้งที่ 1” กำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 20 ส.ค. 2566 ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี แบ่งออกเป็น 4 ระยะทาง ได้แก่ Full Marathon ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ค่าสมัคร 800 บาท Half Marathon ระยะทาง 21.10 กิโลเมตร ค่าสมัคร 600 บาท Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร ค่าสมัคร 400 บาท และ Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร ค่าสมัคร 250 บาท โดยใช้พื้นที่บริเวณด้านข้างเรือหลวงจักรีนฤเบศร การท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการแข่งขัน ซึ่งเส้นทางในการวิ่ง เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ของกองทัพเรือ จึงเป็นสถานที่ปลอดภัย สวยงามและปลอดมลพิษ  ซึ่งผู้สมัครในแต่ละรายการจะได้รับเสื้อแข่งขัน และเหรียญที่ระลึก ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถดูรายละเอียดและสมัครเข้าแข่งขันได้ที่ https://www.regis.run/event/ nzenavymarathon

@@@…….ปิดท้ายเรื่องดี ๆ เมื่อ จ่าโท สุพัฒน์ แก้วศรีนวม หรือ “จ่าเอ็ม” สังกัด กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผลิตสื่อและสารคดี กองประชาสัมพันธ์ สำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ประสบเหตุพบหญิงพลัดตกน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ถ่ายทำการลาดตระเวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ของกองเรือลำน้ำ จึงได้รีบกระโดดลงน้ำเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และนำกลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย โดยทราบในภายหลังว่า หญิงคนดังกล่าว เดินลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อฆ่าตัวตาย จึงได้ปลอบประโลมและให้กำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป ทั้งนึ้ จ่าเอ็ม รวมถึงกำลังพลกองทัพเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังกัดสำนักจิตวิทยา ได้รับการฝึกในการใช้จิตวิทยาเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ประสบเหตุมีสภาพจิตใจดีขึ้นหลังจากประสบเหตุ

 ………………………………….

 คอลัมน์ : “Military Key”

 โดย… “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img