วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSฝ่ายความมั่นคงชี้สถานการณ์ไทยยังสงบ แต่ต้องจับตา“ตะวันออกกลาง”ยังไม่สงบ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ฝ่ายความมั่นคงชี้สถานการณ์ไทยยังสงบ แต่ต้องจับตา“ตะวันออกกลาง”ยังไม่สงบ

สถานการณ์ภายในประเทศไทยสงบ ฝ่ายความมั่นคง จับตาสถานการณ์ตะวันออกกลางยังไม่สงบง่าย ๆ  

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 6 ม.ค.2567 เพิ่งผ่านเทศกาลปีใหม่มาไม่กี่วัน สถานการณ์ในประเทศราบรื่นไม่น่าวิตกกังวล แต่ที่น่ากังวลน่าจะเป็นสถานการณ์นอกบ้าน โดยเฉพาะสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ฉนวนกาซาในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า อิสราเอลเตรียมที่จะถอนกําลังทหารบางส่วนออกจากฉนวนกาซา เพื่อเปลี่ยนไปใช้ยุทธวิธีทางทหารแบบพุ่งเป้าต่อกลุ่มฮามาสมากขึ้น รวมถึงมีคําสั่งให้กําลังพลสํารอง บางส่วนกลับไปใช้ชีวิตพลเรือนตามปกติอีกครั้ง เพื่อเป็นการช่วยเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากสงครามระหว่าง อิสราเอล และกลุ่มฮามาส อาจลากยาวต่อเนื่องในปี 2567 นี้ต่อไปอีกซักระยะหนึ่ง 

@@@…….ตามรายงานของเจ้าหน้าที่อิสราเอลชี้ว่า ถึงแม้จะมีคําสั่งให้ถอนกําลังทหารบางส่วนออกจากกาซา แต่เป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซายังคงเป็นการทําลายล้างกลุ่มฮามาสแบบเฉพาะเจาะจงต่อไป และทหารบางส่วนจาก 5 กองพันที่ถูกถอนกําลังออกจากฉนวนกาซา จะเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือในการเกิดการสู้รบกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเลบานอน ซึ่งนับตั้งแต่ที่อิสราเอลเปิดฉาก ทําสงครามเพื่อตอบโต้การโจมตีของฮามาส เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 เป็นต้นมา อิสราเอลได้แบ่งห้วงของการทําสงครามออกเป็น 3 ห้วงหลัก โดยห้วงแรกจะเป็นการทิ้งระเบิดอย่างหนักเพื่อเปิดทางให้กองทัพ ภาคพื้นดิน และบีบให้พลเรือนในกาซาอพยพออกจากพื้นที่สู้รบ ห้วงที่ 2 จะเป็นการบุกโจมตีภาคพื้นดิน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566 

@@@…….หลังจากที่กองทัพอิสราเอลสามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซาได้แล้ว ทําให้ปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอลกําลังเข้าสู่ห้วงระยะที่ 3 ซึ่งจะเป็นการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายที่ยังเหลืออยู่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแนวทางในปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของอิสราเอล ได้กดดันให้อิสราเอลทบทวนยุทธวิธีทางทหาร และพยายามปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซาให้มากขึ้น ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด ได้เดินทางกลับไปยังท่าเรือที่รัฐเวอร์จิเนียแล้ว หลังถูกส่งไปประจําอยู่ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตะวันออก ภายหลังการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเริ่มต้นขึ้น

@@@…….อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการสู้รบในฉนวนกาซา จะเริ่มลดความรุนแรงลง และเข้าสู่ระยะที่ 3 เนื่องจากกำลังของกลุ่มฮามาส อ่อนกำลังลงไปมากแล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ภาพรวมความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ยังมิได้สงบลงและกำลังดูเหมือนจะขยายกำลังตัวออกไปมากขึ้น ทั้งนี้จากการที่อิสราเอลได้ใช้ Drone ติดระเบิดพุ่งชนตึกกลางกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เพื่อสังหารนายซาเลห์ อัล-อารูรี ในฐานะผู้บงการเบื้องหลังของกลุ่มฮามาสในเขตเวสต์แบงก์ นอกจากนี้ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน ยังกล่าวโทษอิสราเอลว่า การโจมตีดังกล่าวมีเจตนาที่จะดึงเลบานอนเข้าไปพัวพันกับการปะทะกันครั้งใหม่ กับพันธมิตรจากอิหร่าน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แม้ว่ารัฐบาลอิสราเอล จะยังไม่ได้ออกมาแสดงตนยืนยันว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว

@@@…….แต่สํานักข่าวของเลบานอน รายงานว่า โดรนสังหารของอิสราเอลได้พุ่งเข้าชนอาคารอพาร์ตเมนต์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสํานักงานของกลุ่มฮามาส ในเขตชานเมืองทางตอนใต้ของกรุงเบรุต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จํานวน 6 ราย ก่อนหน้านี้ อิสราเอลจับกุมนายอัล-อารูรี เมื่อปี 2535 และตัดสินจําคุกเป็นเวลา 15 ปี ก่อนถูกเนรเทศเมื่อปี 2553 โดยอิสราเอลได้กล่าวหาว่าเป็นผู้บงการของกลุ่มฮามาสโจมตีในเขตเวสต์แบงก์ และเป็นผู้ประสานงานระหว่างกลุ่มฯ รวมทั้งเหตุการณ์การระเบิดในอิหร่าน และนี่ยังไม่ได้รวมการปฏิบัติการของกลุ่มกบฏฮูตี และเรือของกลุ่มกบฏฮูตี 3 ลำถูกกำลังของสหรัฐฯ ยิงจมในพื้นที่ทะเลแดงอีด้วย 

@@@…….ดังนั้น ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้กำลังรุนแรงในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ฝ่ายความมั่นคง คาดว่า สถานการณ์การใช้กำลังความรุนแรงในตะวันออกกลางจะยังไม่สงบลงได้ง่าย ๆ อย่างน้อยอีก 6 เดือนจากนี้ไป หากสหประชาติฯ ซึ่งรวมถึงนานาชาติ ไม่ร่วมมือกันอย่างจริงจัง ไม่ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาหยุดยั้ง หรือเพื่อให้มีการเจรจาพูดคุยกันทั้งทางลับ และทางเปิด สถานการณ์ก็อาจเลวร้ายลงอีก ความมั่งคงบนเส้นทางขนส่งทางทะเลก็จะไม่ได้รับการประกัน 

@@@…….ที่ศาลาว่าการกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 9/2566 โดยมี ผบ.เหล่าทัพร่วมประชุม​พร้อมเพียง ทั้งนี้ รมว.กลาโหม ได้มอบนโยบาย ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติงานของส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งหน่วยงานและรัฐวิสาห กิจในการกำกับดูแล สำหรับนโยบายทั่วไป จะต้องมีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญพระราชบัญญัติและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงนโยบายรัฐบาล เพื่อนำไปปฏิบัติให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาระบบการบริหารราชการกระทรวงกลาโหมและการพัฒนากองทัพตลอดจน การสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 

@@@…….ส่วนนโยบายเฉพาะ จะต้องเร่งรัดดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงในที่ประชุมรัฐสภา และดำริของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการพัฒนากองทัพให้ทันสมัย รวมถึงเป็นกลไกหลักด้านความมั่นคงของรัฐในศตวรรษที่ 21 และเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ซึ่งมีเรื่องที่สำคัญ จำนวน 8 เรื่อง ได้แก่ 1.การปรับปรุงรูปแบบการตรวจเลือกทหารกองประจำการ เพื่อนำไปสู่รูปแบบสมัครใจในอนาคต และปรับลดอัตราทหารกองประจำการโดยไม่ส่งผล กระทบต่อขีดความสามารถของกองทัพ 2.การปรับปรุงโครงสร้างการจัดกองทัพ อัตรากำลังพล และยุทโธปกรณ์ให้มีขนาดกะทัดรัด คล่องแคล่ว อ่อนตัว ทันสมัย และสมบูรณ์ในตัวเอง 3. การปรับปรุงโครงสร้างการจัดของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมให้มีขนาดที่เหมาะสม 

@@@…….4.การปรับปรุงหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารให้เป็นแบบสร้างสรรค์และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน 5.การเสริมสร้างความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ โดยกระบวนการจัดหาต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด 6.การนำที่ดินที่อยู่ในการดูแลของหน่วยทหารซึ่งหมดความจำเป็นต่อการใช้งานทางทหาร ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ 7.การปรับปรุงแหล่งสวัสดิการทั้งภายในและเชิงธุรกิจให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงดูแลกำลังพลและครอบครัว เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และ 8.การปรับปรุงที่พักอาศัยสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานภาพของงบประมาณ ทั้งนี้กำชับให้ทุกหน่วยได้นำนโยบายไปบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงใช้ยึดถือเป็นกรอบแนวทางและขับเคลื่อนให้บรรลุผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม

@@@…….ที่กองกำลังนเรศวร กองกำลังผาเมือง และสำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญหน่วยปฏิบัติงานสนาม โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับฟังการบรรยายสรุปภารกิจที่สำคัญของหน่วย รวมทั้งพบปะ พูดคุย รับทราบปัญหาข้อขัดข้อง และให้กำลังใจ พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ แก่กำลังพลผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งถือเป็นผู้เสียสละในการดูแลความปลอดภัยให้แก่แผ่นดินไทย ทั้งนี้ กองกำลังนเรศวร มีการประกอบกำลังทั้งจากทหารหลักและทหารพราน มีหน่วยขึ้นตรง คือ หน่วยเฉพาะกิจราชมนู หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท และมีหน่วยขึ้นควบคุมทางยุทธการที่สำคัญ คือ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 และหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34 จากนั้นได้เดินทางไปยังกองกำลังผาเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปภารกิจที่สำคัญของหน่วย ตลอดจนพบปะ พูดคุย รับทราบปัญหาข้อขัดข้อง และให้กำลังใจแก่กำลังพลผู้ปฏิบัติงาน พร้อมมอบของขวัญปีใหม่และกล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานของกำลังพลที่มีความอดทน เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม 

@@@…….จากนั้นช่วงบ่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะ ได้เดินทางไปยัง สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ได้พบปะ เยี่ยมเยียน ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยความเสียสละมาตลอดปี 2566 การเดินทางตรวจเยี่ยมหน่วย ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ได้มอบเจตนารมณ์ และแนวความคิดในการปฏิบัติด้านการพัฒนากำลังพลและครอบครัว (People First) ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้รับทราบผลการปฏิบัติงานและปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น ในฐานะที่เป็นหน่วยป้องกันชายแดนที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับการรักษาความ  มั่นคงปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน โดยขอให้ยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งให้การสนับสนุนการปฏิบัติอย่างเต็มขีดความสามารถ และขอให้กำลังพลทุกนายมีความมุ่งมั่น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และเป็น oneteamทัพไทย ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอให้ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับ เอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขและสวัสดิการของกำลังพลและครอบครัว เพื่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจอย่างมีประสิทธิ อันจะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าต่อตนเองและประเทศชาติ อย่างยั่นยืนตลอดไป

@@@…….กองทัพบก…จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด และบ้านเรือนพังเสียหาย ตั้งแต่เดือน ธ.ค.66 ที่ผ่านมา พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้มีความห่วงใยประชาชนและมอบหมายให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 พร้อม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำศักยภาพหน่วยทหารเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทหารทุกเหล่าทัพ เข้าซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย 

@@@…….หน่วยทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 46 และกองพลทหารราบที่ 15 ที่รับผิดชอบพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ กรมทหารราบที่ 151 จ.นราธิวาส, กรมทหารราบที่ 152 จ.ยะลา และ กรมทหารราบที่ 153 จ.ปัตตานี รวมทั้งหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานในพื้นที่ อยู่ในระหว่างร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการเข้าสำรวจความเสียหายและฟื้นฟูหลังน้ำลด ด้วยการทำความสะอาด, ขนย้ายสิ่งของกลับเข้าที่, มอบถุงยังชีพ ตลอดจนซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้โดยเร็วที่สุด โดยบูรณาการร่วมกับส่วนราชการ อาทิ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา, หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

@@@…….กองทัพเรือ….พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นประธานเปิดกิจกรรมรักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม 2567 ณ หาดน้ำใส หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี การจัดกิจกรรม “รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริฯ” มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม 2567 และเป็นการรณรงค์ปลุกจิตสำนึก การมีส่วนร่วมด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของหน่วยงาน สนองพระดำริ ให้กับเยาวชนและนักเรียนในพื้นที่ สำหรับโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ได้รับการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลได้รับการฟื้นฟู และสัตว์ทะเลไม่ถูกทำลาย ทั้งยังเป็นการกระตุ้นและปลุกจิตสำนึก ให้ประชาชน และเยาวชน ได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล นำไปสู่ความสมดุลทางธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป

@@@…….กองทัพอากาศ….โดยนาวาอากาศเอก จุมพล กลิ่นผา ผู้บังคับการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 มอบหมายให้ฝ่ายกิจการพลเรือน กองบังคับการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 จัดถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง และชุดยาปฐมพยาบาลเบื้องต้น ลงพื้นที่มอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชุมชนวัดโคกหญ้าคา ตำบลคลองใหม่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น โดยกองทัพอากาศพร้อมปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ผ่านพ้นวิกฤตสถานการณ์ภัยธรรมชาติครั้งนี้ตลอด 24 ชั่วโมง 

 ………………………………….

 คอลัมน์ : “Military Key”

 โดย “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img