วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ฝ่ายความมั่นคง”ชี้คำวินิจฉัยศาลรธน. ชัดเจนที่สุดแล้ว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ฝ่ายความมั่นคง”ชี้คำวินิจฉัยศาลรธน. ชัดเจนที่สุดแล้ว

เหล่าทัพอยู่ในที่ตั้ง ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ด้านความมั่นคง ชี้ การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนที่สุดแล้ว กรณีพรรคก้าวไกลหาเสียงแก้ ม.112 เข้าข่ายล้มการปกครองหรือไม่  

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 3 ก.พ.2567 สัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องสำคัญซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปในวงกว้างที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ได้แก่ การวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 ซึ่ง องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ลงมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ในกรณีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทําของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. .. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดําเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่นั้น 

@@@……ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ ได้วินิจฉัยไว้ว่า การกระทําของผู้ถูกร้องทั้งสองเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 74 

@@@……ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุเหตุผลว่า การที่นายพิธา และพรรคก้าวไกล แก้ไขเพิ่มประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. .. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อประธานสภา เป็นพฤติกรรมที่แสดง ออกถึงการลดทอนความสําคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยซ่อนเร้น ด้วยวิธีการหาทางรัฐสภา และการใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมกับมีการรณรงค์การแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังผลคะแนนเสียงทางการเมืองแสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายให้สถาบันอยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน 

@@@……ฝ่ายความมั่นคง มองว่า ฝ่ายตุลาการได้ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันมิให้ความขัดแย้งในสังคมไทยขยายตัวไปมากกว่านี้ ต่างจากจากความเห็นของผู้ถูกร้องที่แถลงหลังการวินิจฉัยโดยสิ้นเชิง การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ถือเป็นข้อยุติชี้ขาดที่มีความชัดเจน โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ใช้กระบวนการไต่สวนอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว และใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานเพื่อให้เกิดความรอบคอบทุกแง่มุม ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า การใช้สิทธิ หรือเสรีภาพของผู้ถูกร้องเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น เป็นอย่างไร ต่างจากกรณีในอดีตอย่างไร และจะต้องทำอะไรต่อไป 

@@@……อย่างไรก็ตาม หากผู้ถูกร้องไม่ยุติการกระทำ หรือแสดงปฏิกิริยาที่ไม่เป็นไปตามข้อวินิจฉัยจากนี้ไป คาดหมายได้ว่า ผู้ถูกร้องจะต้องเผชิญกับมาตรการทางกฎหมายที่รุนแรงขึ้นอีก เช่น การยุบพรรค หรือ อีกหนึ่งกรณีที่จะตามมาคือ อาจมีผู้นําคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ส.ส.พรรค ก้าวไกล จํานวน 44 คน ที่ยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขกฎหมาย ม.112 โดยโทษตามความผิดจริยธรรมร้ายแรง คือ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่หากผู้ถูกร้อง ยอมรับ และดำเนินงานการเมืองตามคำวินิจฉัยอย่างจริงใจ ไม่ปั้นแต่งสร้างประเด็นความขัดแย้งให้เกิดขึ้นตามการชี้แนะของผู้มีอิทธิพลทางความคิดที่กลุ่มการเมืองบางกลุ่มเชื่อถือ และสนับสนุนงานการเมืองของผู้ถูกร้องมาโดยตลอด ก็เชื่อได้ว่า ผลที่ตามมาก็จะแตกต่างออกไป ปัจจุบัน สถานการณ์ในบ้านเมือง และมวลชนที่สนับสนุนผู้ถูกร้อง ยังถือว่าอยู่ในความสงบเรียบร้อยนิ่งอยู่ ซึ่งฝ่ายความมั่นคง จะยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่า ความมั่นคงจะได้รับการประกัน 

@@@……กองบัญชาการกองทัพไทย….พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เยี่ยมชมการจัดกิจกรรม “สัปดาห์นักรบกล้าพิทักษ์แผ่นดิน” เพื่อเทิดเกียรติเหล่าทหารผ่านศึก ณ โรงพาบาลทหารผ่านศึก  ซึ่งจัดโดย นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 66 นักศึกษาหลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 5 และ นักศึกษาหลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รุ่นที่ 11 โดยมี ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และคณะ ให้การต้อนรับ โดย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เข้ารับฟังการบรรยายภารกิจ และรับชมวีดิทัศน์โรงพยาบาลทหารผ่านศึก พร้อมเยี่ยมชมศูนย์กิจกรรมบำบัดและฝึกอาชีพโรงพยาบาลทหารผ่านศึก 

@@@……จากนั้น ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลของกองทัพไทย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามและพักรักษาตัวยังโรงพยาบาล พร้อมชื่นชมการปฎิบัติหน้าที่ของทหารทุกนาย ที่ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อประเทศชาติและประชาชน โดยได้ร่วมบริจาคเงินให้แก่โครงการศูนย์อายุรวัฒน์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก อันยังประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วยทหารผ่านศึกเป็นการเสริม สร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ป่วยทหารผ่านศึก ในโอกาสนี้ด้วย โดยปัจจุบัน การดูแลทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ มีองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรียกโดยย่อว่า “อผศ.” สังกัดกระทรวงกลาโหม เป็นองค์การเพื่อให้การสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ และผู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการรบ รวมทั้งเชิดชูเกียรติแก่ทหารผ่านศึก เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีของผู้เสียสละ และทหารกล้าทุกนายที่ได้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ อันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน

@@@……ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2567 โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ผู้แทนจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และกำลังพลของกองทัพบกร่วมงาน โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้วางพวงมาลา ณ อนุสรณ์ทหารสละชีพเพื่อชาติ จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูง และผู้แทนจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก วางพวงมาลาแสดงความเคารพดวงวิญญาณทหารกล้า และอาสาสมัครผู้สละชีพขณะปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิต่างๆ อาทิ สงครามโลกครั้งที่ 1, สงครามอินโดจีน, สงครามมหาเอเชียบูรพา, สงครามเกาหลี, สงครามเวียดนาม, การป้องกันประเทศ, การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ, การรักษาความสงบเรียบร้อยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น 

@@@……ทั้งนี้ วันทหารผ่านศึก ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เนื่องจากหลังจากสงครามโลก ครั้งที่ 2 หรือหลังสงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลง มีทหารไทยจำนวนมากที่ถูกปลดประจำการ จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ทหารเหล่านั้น ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2490 กระทรวงกลาโหมอันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่งานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่กลับจากการปฏิบัติการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ ต่อมากระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขึ้น โดยได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก 

@@@……ที่กองทัพเรือ ได้จัดแถลงข่าวเปิดโครงการ “รวมใจไทยเป็นหนึ่ง กองทัพเรือ” ประจำปี 2567 โดยมี พล.ร.อ. วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธาน ร่วมด้วย คุณสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการตลาดในประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองกรรมการผู้อำนวยการสำนักกิจการ และสื่อสารองค์กร สถานีโทรทัศน์ทีวีสี ช่อง 3 คุณยรรยง อามีน อิหม่ามประจำมัสยิดยามีนอุลค็อยรียะห์  ร่วมแถลงข่าว กองทัพเรือ ได้จัดกิจกรรมโครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง กองทัพเรือ โดยนำคณะเยาวชน และคณะผู้นำศาสนา (ดาอี) ในพื้นที่ปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ (ฉก.นย.ทร.) จากอำเภอยี่งอ อำเภอบาเจาะ อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส มาทัศนศึกษาสถานที่ สำคัญทางประวัติศาสตร์ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งหน่วยงาน ของกองทัพเรือ ระหว่างเดือน ม.ค. – เดือน ก.ค.ของทุกปี โดยนำคณะเยาวชนตามโครงการฯ ทัศนศึกษานอกสถานที่ จำนวน 4 ครั้ง ๆ ละ 30 คน และนำคณะผู้นาศาสนาตามโครงการฯ ทัศนศึกษา นอกสถานที่ จำนวน 1 ครั้ง ๆ ละ 30 คน 

@@@……สำหรับการจัดกิจกรรมฯ ในปีนี้ มีน้อง ๆ เยาวชนที่ผ่านการเข้าร่วม โครงการรวมใจเป็นหนึ่ง กองทัพเรือ ร่วมเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำน้องๆ เยาวชน ระหว่างการทำกิจกรรมอีกด้วย โครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง กองทัพเรือ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 19 ปี จำนวน 93 รุ่น มีเยาวชนร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 3,878 คน โดยน้อมนำวิธีการแห่งศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ สามารถ นำประสบการณ์ที่ได้รับ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม สำหรับในปีนี้กองทัพเรือและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมโครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง อีกทั้งกองทัพเรือยังได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของประเทศชาติในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ กองทัพเรือยังคงมุ่งมั่น ที่จะดำเนินโครงการต่อไป เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างสันติวิธีและยั่งยืนสืบต่อไป

@@@……กองทัพอากาศ….พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานการจัดกิจกรรมหน่วยมิตรประชากองทัพอากาศช่วยเหลือประชาชน ณ โรงเรียนบ้านตาขุนวิทยา ตำบลเขาวง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ ณ ที่ตั้งดอนเมือง และเครือข่ายสื่อมวลชน ตลอดจนข้าราชการของกองบิน 7 และเครือข่ายภาคเอกชน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่มีความตั้งใจและห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่โรงเรียนบ้านตาขุน โดยกิจกรรมประกอบด้วย • การมอบทุนอาหารกลางวัน • การมอบอุปกรณ์กีฬา • การมอบทุนการศึกษา • การมอบถุงยังชีพ • การมอบโครงการถังน้ำยั่งยืน (ความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ) เพื่อน้ำสะอาดในการอุปโภค • การให้บริการด้านการแพทย์ และตรวจรักษาให้คำแนะนำด้านสุขภาพ จากโรงพยาบาลกองบิน 7 • การแสดงดนตรีจาก วงดุริยางค์ทหารอากาศ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน • การบริการตัดผมให้แก่นักเรียนและประชาชนข้างเคียง โดยวิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี • การบริการซ่อมจักรยานยนต์ โดยวิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี เป็นต้น 

 ………………………………….

 คอลัมน์ : “Military Key”

 โดย.. “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img