วันเสาร์, ตุลาคม 5, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“อิสราเอล”ยกระดับ Northern Arrows โจมตีแบบ“จํากัดพื้นที่”และ“เป้าหมาย”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อิสราเอล”ยกระดับ Northern Arrows โจมตีแบบ“จํากัดพื้นที่”และ“เป้าหมาย”

“…..ฝ่ายความมั่นคงมองว่า มีความเป็นไปได้สูงที่การสู้รบในตะวันออกกลาง จะยังคงยืดเยื้อ และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นต่อไป และเชื่อว่า การกวาดล้างสยบอิทธิพลของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน จะมีลักษณะเช่นเดียวกับการใช้กำลังจัดการกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซ่านั่นเอง…”

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 5 ต.ค.67 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง ที่ฝ่ายความมั่นคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดนั้น ดูเสมือนจะขยายตัวออกไปในวงกว้างจนเป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ปัจจุบัน กองทัพอิสราเอล Israel Defense Forces : IDF ได้ยกระดับปฏิบัติการ Northern Arrows ซึ่งเป็นการโจมตีภาคพื้นดินแบบจํากัดพื้นที่ และเป้าหมาย โดยอาศัยข้อมูลข่าวสารการข่าวกรองที่ชัดเจน และการโจมตีทางอากาศที่แม่นยําจากกองทัพอากาศ และกองพลทหารปืนใหญ่ เพื่อกําจัดภัยคุกคามจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอน และเป้าหมายส่วนใหญ่ที่ปรากฎชัดเจนอยู่ในหมู่บ้านใกล้แนวชายแดนที่ติดกับตอนเหนือของอิสราเอล ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อชุมชนชาวอิสราเอลในพื้นที่ โดยกองทัพอิสราเอล Israel Defense Forces : IDF ยืนยันว่า ไม่มีแผนจะยึดครองเลบานอนตอนใต้ในระยะยาว ขณะที่อิหร่านเองก็ประกาศว่า ไม่ต้องการเผชิญหน้าโดยตรงกับทหารอิสราเอล แม้จะโจมตีเมืองหลวงของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ จรวด และอาวุธซัดส่งไปหลายระลอกแล้วก็ตาม 

@@@…….ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขของ เลบานอน เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 95 คน และบาดเจ็บไปมากกว่า 172 คน ซึ่งผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของหุบเขาเบกา และในกรุงเบรุต อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า กองทัพเลบานอน สั่งให้ทหารที่ประจําการอยู่ตามแนวชายแดนทางตอนใต้ของประเทศซึ่งติดกับอิสราเอล ถอยร่นออกจากพื้นที่ภายในรัศมีอย่างน้อย 5 กม. เนื่องจาก นายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอล ได้มีการแจ้งไปยังกองทัพเลบานอน ทราบว่า กองทัพอิสราเอลจะเริ่มใช้มาตรการทางทหารที่เข้มข้นมากขึ้นกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางทะเล และทางอากาศ พร้อมทั้ง แจ้งเตือนให้ชาวเลบานอนที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ อพยพออกไปโดยเร็วที่สุด

@@@…….รายงานโดยอ้างถ้อยแถลงของ นายนาอิม กัสเซ็ม รองผู้นํากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวว่า กระบวนการเฟ้นหาผู้นําคนใหม่ แทนที่ นายฮันซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นําสูงสุด ซึ่งถูกสังหารเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล ด้วยระบบอาวุธฯ ที่มีความแม่นยำสูง Joint Direct Attack Munition : JDAM GBU-31 with BLU-109 Bomb ขนาด 2,000 ปอนด์ หรือ 1 ตัน เจาะทะลวงลงไปจุดระเบิดใต้ดิน และกำบังต่าง ๆ ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา จะเกิดขึ้นอีกภายในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมทั้งประกาศว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังจะคงยืนหยัดเผชิญหน้ากับอิสราเอลต่อไป เพื่อแสดงความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกับชาวปาเลสไตน์ และชาวเลบานอน ในการตอบโต้การลอบสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างเหี้ยมโหด รวมถึงยืนยันว่า กลุ่มฯพร้อมรับมือกับการโจมตีทุกรูปแบบของอิสราเอล ไม่ว่าจะทางบก ทางทะเล หรือทางอากาศ และเชื่อว่า การสู้รบครั้งนี้จะยังคงยืดเยื้อต่อไป 

@@@…….อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง มองว่า จากกรณี นายนาอิม กัสเซ็ม รองผู้นํากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ออกมาแถลงเกี่ยวกับการสรรหาผู้นําคนใหม่ และยืนยันว่า จะเผชิญหน้ากับอิสราเอลต่อไปนั้น แสดงให้เห็นว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ อาจกําลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางผู้นํา ซึ่งเป็นประเด็นสําคัญที่อาจมีผลกระทบต่อการกําหนดทิศทาง รวมถึงนโยบายของกลุ่มฯในอนาคต ซึ่งการสืบทอดตําแหน่งผู้นําในองค์กรที่มีโครงสร้างเชิงอุดมการณ์ และความเป็นทหารสูง อาจนําไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านยุทธศาสตร์ ขณะเดียวกันการยืนยันว่า กลุ่มฯ จะยืนหยัดต่อต้านอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการสะท้อนถึงทิศทางการดําเนินงานของกลุ่มฯในแนวทางเดิมต่อไป อย่างไรก็ตาม การออกแถลงการณ์ดังกล่าว อาจเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองในการเสริมสร้างความชอบธรรม และความเข้มแข็ง ในกลุ่มผู้สนับสนุน โดยเฉพาะในบริบทที่มีความขัดแย้งระหว่างชาติในภูมิภาคตะวันออกกลาง แนวโน้มคาดหมายว่า สถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง และความมั่นคงในภูมิภาคต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะในพื้นที่ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งถือเป็นองค์กรการก่อการร้ายที่ไม่ใช่รัฐ แต่มีอิทธิพลอยู่ในหลายพื้นที่ที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาชนอิสราเอล อาทิ เลบานอน ซีเรีย และบริเวณแนวชายแดนที่ติดกับอิสราเอล 

@@@…….ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่การสู้รบในตะวันออกกลาง จะยังคงยืดเยื้อ และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นต่อไป และเชื่อว่า การกวาดล้างสยบอิทธิพลของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน จะมีลักษณะเช่นเดียวกับการใช้กำลังจัดการกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซ่า นั่นเอง ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงคนไทยในอิสราเอลจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ และเพื่อหลีกเลี่ยงจากผลกระทบเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ให้กระทรวงต่างประเทศ และสถานทูตของไทยที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ข้อมูลกับคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ หากพบว่าอยู่ในระดับที่เสี่ยงเกินไป ให้รีบแจ้งคนไทยให้ออกจากพื้นที่ทันที พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ เหล่าทัพ และหน่วยเกี่ยวข้อง เตรียมมาตรการการอพยพคนไทยออกจากพื้นที่สู้รบให้พร้อมไว้ตลอดเวลาเมื่อสั่งจากนี้ไป 

@@@…….กลับมาที่สถานการณ์ประเทศไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก เป็นประธานการประชุมสภาทหารผ่านศึก ครั้งที่ 3 ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกในฐานะ รมว.กลาโหม/นายกสภาทหารผ่านศึก โดยมี พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก/อุปนายกสภาทหารผ่านศึก(3) พร้อมด้วยคณะผู้บังคับชา และผู้แทนสมาคมทหารผ่านศึกให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุม รอง นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบถุงยังชีพ 4,000 ถุง ให้แก่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เพื่อส่งต่อไปยังพี่น้องทหารผ่านศึกและครอบครัว รวมถึงประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น โดยมีผู้แทนสมาคมทหารผ่านศึก อาทิ สมาคมทหารผ่านศึกเกาหลี ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมทหารผ่านศึกเวียดนาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมนักรบนิรนาม 333, สมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย, สมาคมทหารผ่านศึกแห่งประเทศไทย, ชมรมทหารผ่านศึกจังหวัดปทุมธานี และกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทยทุกหมู่เหล่าจัดผู้แทนเป็นผู้รับมอบ  

@@@…….จากนั้น นายภูมิธรรม ได้เป็นประธานการประชุมสภาทหารผ่านศึกฯ โดยได้มอบนโยบายและเน้นย้ำในการดูแลสิทธิและสวัสดิการสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึกและครอบครัว ด้วยการเดินหน้าโครงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และครุภัณฑ์ที่จำเป็น รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการรักษาพยาบาลของศูนย์อายุรวัฒน์ รพ.ทหารผ่านศึก ขยายจำนวนเตียงเพิ่ม72 เตียง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 72 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่และเพิ่มขีดความสามารถในการให้ทหารผ่านศึกรวมถึงประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงการบริการการรักษาพยาบาลได้มากขึ้น ตลอดจนการจัดรถกายอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อดูแลทหารผ่านศึกที่ทุพพลภาพในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ในการซ่อมแซม ดูแลและบำรุงรักษากายอุปกรณ์ อาทิ แขน-ขาเทียม อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนที่ โดยไม่ต้องเดินทางมายังส่วนกลาง ช่วยอำนวยความสะดวก ย่นระยะเวลาและลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว นอกจากนี้ได้มอบนโยบายเน้นย้ำ “สร้างโอกาส สร้างรายได้” ให้กับทหารผ่านศึกและครอบครัว ต่อยอดจากการที่ประเทศไทยเป็นครัวของโลกและแหล่งเกษตรกรรม ด้วยแนวคิดการผลิตอาหารทรงชีพ หรือ Food Ration เพื่อสนับสนุนกองทัพ และสามารถขยายโอกาสไปยังตลาดและส่งออกขายยังต่างประเทศได้ในอนาคต

@@@…….กองทัพบก….พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก นำคณะผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบเหตุอุทกภัยที่ จ.เชียงราย ที่ได้รุดเข้าช่วยเหลือประชาชนในทันทีที่เกิดเหตุ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.67 ที่ผ่านมา ทั้งกำลังพลที่เป็นหน่วยทหารในพื้นที่ และกำลังเพิ่มเติมจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 และกรมการทหารช่าง ที่ได้นำเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ต่างๆ ร่วมสนับสนุนการช่วยเหลือ รวมกว่า 600 นาย โดยผู้บัญชาการทหารบกได้พบปะให้กำลังใจและติดตามการปฏิบัติงานของกำลังพลในส่วนต่างๆ อย่างใกล้ชิด ได้แก่ การกู้คืนและซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ชุมชนเหมืองแดง และชุมชนบ้านไม้ลุงขน (ซอยอีก้อ), การกู้คืนและซ่อมแซมโรงเรียนบ้านไม้ลุงขน, การวางบิ๊กแบ็คซ่อมแซมพนังกั้นน้ำแม่สายที่ได้รับความเสียหาย ป้องกันการเกิดเหตุอุทกภัยซ้ำ และการจัดตั้งจุดจ่ายน้ำประปาสนามบริการประชาชนในพื้นที่ชุมชนเกาะทราย รวมทั้งได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และให้กำลังใจประชาชนที่ร่วมฟื้นฟูบ้านเรือน ก่อนเดินทางไปตรวจสอบและเยี่ยมบ้านพักกำลังพลที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเช่นเดียวกันในพื้นที่ค่ายเม็งรายมหาราช พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจให้กำลังพลและครอบครัว

@@@…….ตามที่รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ปฎิบัติการส่วนหน้า หรือ ศปช.ส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์สั่งการและบูรณาการร่วมของภาคส่วนต่างๆ ในการคลี่คลายสถานการณ์นั้น กองทัพบกได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยส่วนหน้า ร่วมติดตามการทำงานและประสานการปฏิบัติดังกล่าว โดยนำศักยภาพของกำลังพล เครื่องมือและยุทโธปกรณ์ของหน่วยทหาร โดยเฉพาะชุดช่าง ร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน, ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 และหน่วยงานราชการต่างๆ เข้าบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชน ตามที่ได้รับการแบ่งมอบพื้นที่จากทาง ศปช.ส่วนหน้า ทั้งการเร่งฟื้นฟูระบบจ่ายน้ำประปา และนำชุดประปาสนามออกบริการแจกจ่ายน้ำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวม 3 แห่ง ซึ่งปัจจุบันจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าระบบประปาในพื้นที่สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ, การฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ รวม 48 หลัง ดำเนินการเสร็จสิ้น 100% รวมทั้งการช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านพักอาศัยที่เจ้าของบ้านสามารถช่วยเหลือตนเองได้ จำนวน 6,980 หลัง เสร็จแล้ว 6,289 หลัง คงเหลือ 691 หลัง ตลอดจนการฟื้นคืนแหล่งชุมชน อาคารสถานที่ และเส้นทางสัญจรต่างๆ ทั้งสายหลักและสายรอง 24 เส้นทาง ระยะทาง 10.15 กิโลเมตร

………………

คอลัมน์  : “Military Key”

โดย.. “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img