“เปรียญสิบ” คิดว่าผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินวาทกรรมแบบนี้ แม้แต่เปรียญสิบเองก็เคยได้ยินมาแบบนี้และบางครั้งก็..เออใช่ไปด้วย วันก่อนคุยกับ “เจ้าคณะจังหวัดรูปหนึ่ง” ท่านก็บอกว่า พระเราขี้เหนียว
“เปรียญสิบ” เคยดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง ความจริงเจ้าอาวาสมีค่าใช้จ่ายมากมาย ที่หลายคนไม่รู้ เพราะวัด ก็เปรียบเสมือน “บ้านหลังหนึ่ง” ที่มีผู้คนเข้ามาอาศัยอยู่ฟรีเป็นจำนวนมาก ทั้งพระภิกษุสงฆ์ ทั้งสามเณร และเด็กวัด เฉพาะค่าน้ำ ค่าไฟ สำหรับวัดเล็กๆ ก็นับหมื่นบาทแล้ว อันนี้เป็นภาระหน้าที่ของเจ้าอาวาสต้องแสวงหา ยิ่งวัดใหญ่ สำนักเรียนค่าใช้จ่ายยิ่งเพิ่มเป็นเงาตามตัว
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2023/08/369632141_1983712732002811_5717798541296715009_n_0-1024x768.jpg)
การตกเป็น “จำเลยสังคม” ว่า พระขี้เหนียว น่าเห็นใจสำหรับเจ้าอาวาสวัดที่ “ไม่มีรายได้” อะไร นอกจากเงินกิจนิมนต์หรือเงินบริจาค
แต่สำหรับวัดใหญ่ๆ ที่มีรายได้ทั้งจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ทั้งจากการท่องเที่ยว เป็นพระเกจิอาจารย์ หรือแม้กระทั่งเป็นนักโหราจารย์ อันนี้..น่าคิดว่า..ท่านเอาเงินไปทำอะไร
ปกติ “เปรียญสิบ” ไม่ค่อยได้เข้าไปข้องยุ่งเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์เท่าไร หากจะเข้าไปนับครั้งได้ เช่น เมื่อปีที่แล้วตาม “เจ้าคุณ” รูปหนึ่งไปงานทอดผ้าป่ากองทุนเล่าเรียนหลวง ตอนนั้นมีพระร่วมบริจาคเยอะ เพราะต้องการยอดให้ทะลุ 20 ล้านบาท “เจ้าคุณ” รูปดังกล่าวบริจาคไป 1 แสนบาท
หรือล่าสุดประชุมร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้องลงขันการทำงานเพราะงบประมาณไม่มี พระร่วมประชุมเจอไปรายละ 1 หมื่นบ้าง 2 หมื่นบ้าง แบบนี้สังคมจะตราหน้าว่า “พระขี้เหนียว” คงไม่ได้
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2023/08/371113111_2397877317082309_6543885375523996696_n_0.jpg)
“เปรียญสิบ” เองก็เจอหลายครั้ง ประเภทใช้ให้ขับรถบ้าง ทำงานบ้าง เงินไม่ได้สักบาท ทั้งที่วัดหรืองานที่เราทำรู้ทั้งรู้ว่าท่านใช้เงินวัด เงินบริจาค การจัดงานเสียเงินมากมาย แต่ในขณะที่เราคนทำงาน “ค่าน้ำมัน” ไม่ได้สักบาท แบบนี้ไม่รู้ว่าเราจะไปว่า “พระขี้เหนียว” ได้หรือไม่ หรือจะด่าตัวเองว่า “เสือก” ทำเองดี
สรุปแล้ว..คำว่า “พระขี้เหนียว” กับ “พระรู้จักใช้เงิน” และ “พระไม่มีเงิน” อันไหน “ควร” ใช้ตราหน้ามากกว่ากัน
“เปรียญสิบ” คิดว่าชาวพุทธต้องแยกแยะให้ออก ต้องดูให้เป็นว่า พระรูปไหนมีเงิน พระรูปไหนไม่มีเงิน พระรูปไหนอยู่ในสถานะอะไร บางรูปเป็นเจ้าอาวาสวัดที่ขาดรายได้..อันนี้ควรขี้เหนียว
แต่บางรูปวัดมีรายได้ ตนเองก็มีรายได้ เพราะมีสมณศักดิ์สูง มีตำแหน่งสูง ไม่มีภาระอะไร ประเภท “สะสม” อย่างเดียว หรือบางรูป “ขี้เหนียว” ไม่ว่า แต่ดันไป “เลี้ยงสีกา” ทะลึ่งเอาเงินวัดไป “สร้างรีสอร์ท” หรือแม้กระทั่งส่ง “ลูกหลาน” เรียนหนังสือ หรือให้ไป “เปิดกิจการค้าขาย” แบบนี้ ชาวพุทธนอกจากต่อว่า “ขี้เหนียว” แล้ว ต้องลงทัณฑ์ประจานโทษความเป็น “อลัชชี” ใช้ผ้าเหลืองหากินให้สังคมรับรู้ด้วยเป็นการดี
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2023/08/pp19.jpg)
เพื่อมิให้พระรูปอื่นเอาแบบเยี่ยงอย่างในความเป็น “เหลือบไร” เกาะกินศาสนา
แต่ก็มีหลายรูป..เท่าที่รู้จัก ส่งพระเณรเรียนหนังสือ สร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน หรือสร้างสาธารณประโยชน์อื่นๆ อันนี้..น่ายกย่อง
เพราะฉะนั้นวาทกรรมว่า “พระขี้เหนียว” คงอยู่ที่ใครเจอพระแบบไหนมา
มีคนขับรถวัดแถวอีสานมาเล่าให้ฟังว่า แม้กระทั่ง “สมเด็จบางรูป” ไปงาน อย่าว่าแต่ “ทิป” ตบรางวัลคนขับรถเลย..ไปงานฉลองพัดยศหรืองานศพพระเถระผู้ใหญ่..จีวรสักไตร ยังไม่เคยถวายเจ้าภาพแบบนี้ก็มี
สังคมเจอประสบการณ์แบบนี้มั้งวาทกกรรมว่า “พระขี้เหนียว” จึงดังมากขึ้นทุกวัน!!
………………………
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: riwpaalueng@gmail.com