พรรคก้าวไกล กับ พรรคเพื่อไทย ที่อดีตเคยเป็นมิตรร่วมรบทางแนวคิดทางเมืองต่อสู้กับ กลุ่มอนุรักษ์นิยม แต่วันนี้กลายเป็น ขั้วตรงข้ามทางการเมือง อย่างมาจปฏิเสธได้ สะท้อนจากการอภิปรายงบประมาณประจำปี 2567 ที่เพิ่งผ่านวาระแรกไปหมาดๆ คงบอกอะไรได้หลายอย่าง
เหนือสิ่งใดการอภิปรายของพรรคก้าวไกลครั้งนี้ ทีมดาวรุ่งดวงใหม่ที่มีการใช้ข้อมูลมาประกอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล ต่างจากการอภิปรายรูปแบบเดิมๆ ที่เน้นวาทะศิลป์ เน้นวาทกรรม
แต่ที่ฮือฮาและเป็นไฮไลท์ คงไม่พ้นการประเด็นอภิปรายของ “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้หยิบรายงานการทำจัดงบประมาณของฝ่ายรัฐบาลที่นำเสนอข้อมูลของ “จีดีพี ” ไม่ตรงกันมาชำแหละแบบหักหน้ารัฐบาลกลางสภาฯดังนี้
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2024/01/88898-1.jpg)
“แต่พอดูไปดูมา เมื่อกี้นี้เล่มขาวคาดม่วง (รายงานภาวะเศรษฐกิจและการคลังฯ) ก็บอกว่าโต 3.2% ทำไมอยู่ดีๆ เล่มงบประมาณฉบับประชาชน ถึงโต 5.4% แล้วก็มาถึงบางอ้อ เพราะนี่คือการเติบโตของจีดีพีที่ไม่ได้รวมผลของเงินเฟ้อ ปกติทุกประเทศทั่วโลกเวลาคำนวณอัตราการเจริญเติบโตของจีดีพีเขาจะใช้จีดีพีที่ไม่รวมผลของเงินเฟ้อ แต่รัฐบาลกำลังโชว์ตัวเลขที่รวมผลของเงินเฟ้อ เท่ากับว่านี่รัฐบาลกำลังจะบรรลุเป้าหมายจีดีพีโต 5% ในปีแรกที่เข้ามาบริหาร โดยการโกงสูตรปรับจีพีดี” ตบท้ายด้วยการกรีดรัฐบาลชนิดเลือดออกซิบๆ ว่า รัฐบาลเศรษฐามีความจงใจ “โกงสูตร” คำนวณจีดีพี
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2023/09/379982503_623090630010559_3128184958408037665_n.jpg)
ขณะที่ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมาสวนศิริกัญญาแบบทันควันว่า “มองว่าเป็นลักษณะวาทกรรม เชื่อว่าน.ส.ศิริกัญญา ทราบว่าเรื่องนี้ไม่มีประเด็นอะไร เป็นการนำเสนอตัวเลขคนละจุด ซึ่งจุดอื่นๆ ของงบประมาณก็แสดงตัวเลขที่เป็น Real GDP มีเพียงหน้านั้นหน้าเดียวที่โชว์เป็น Nominal GDP”
“สาเหตุที่ต้องรวมผลกระทบเงินเฟ้อ เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณการจัดเก็บรายได้ ซึ่งเป็นตัวเลข Nominal เช่นเดียวกัน ถ้าจะโกงตัวเลข ทุกหน้าก็ต้องเปลี่ยนเป็น 5.4%”
หากทำความเข้าใจแบบง่ายๆ คำว่า GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product คือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งถูกใช้เป็นดัชนีวัดผลผลิตที่ประชากรในประเทศเป็นผู้ผลิตขึ้นมาและถูกนำมาสะท้อนรายได้ของคนในประเทศนั้นๆ
จึงใช่เรื่องแปลกที่รัฐบาลทุกประเทศในโลก ใช้จีดีพี.เป็นดัชนีวัดความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศ หากจีดีพี.ปีต่อปีสูง แสดงว่าประเทศนั้นๆ มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนมีอยู่มีกินมากขึ้นตามไปด้วย รัฐบาลก็เอามาเป็นผลงานได้
จีดีพีมีทั้ง 2 แบบ แบบแรกที่เรียก “Real GDP” คือ จีดีพีที่หักเงินเฟ้อออกแล้วเหลือแต่จีดีพี.ที่แท้จริง คนทั่วไปส่วนใหญ่ มักจะคุ้นเคยกับตัวเลข Real GDP ซึ่งเป็นที่นิยม และอีกแบบที่เรียกว่า “Nominal GDP” คือ จีดีพี.ที่ยังไม่หักเงินเฟ้อ หรือ ทำให้ตัวเลขของจีดีพีสูงกว่า ส่วนประโยชน์ก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ว่าจะใช้ในกรณีใด
แต่ที่เป็นกระแสฮือฮาขึ้นมา เพราะรัฐบาลได้หยิบตัวเลขของ Nominal GDP มาไว้ในเอกสารงบประมาณฉบับรายงานประชาชน ขณะที่เอกสารประกอบอีกเล่มใช้ตัวเลข Real GDP ทั้งที่ที่การจัดทำงบประมาณปี 2566 ที่ผ่านมาโดยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ตัวเลขของ Real GDP เท่านั้น
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2022/08/fjcygmjcy-1024x768.jpg)
แต่รัฐบาลนี้กลับใช้ตัวเลขทั้ง Real GDP และ Nominal GDP โดยเฉพาะตัวเลขอันหลังดันไปอยู่ในเอกสารฉบับรายงานประชาชน ซึ่งทำให้ถูกมองว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์หวังเรียกคะแนนนิยมจงใจทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเศรษฐกิจเติบโต
อย่างไรก็ตาม การที่พรรคฝ่ายค้านออกมาบอกว่า เป็นการโกงสูตรจีดีพี ก็อาจจะกล่าวหาที่รุนแรงเกินไปหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ เพราะนี่เป็นเรื่องการเมือง เพียงแต่การที่รัฐบาลมีเจตนาไม่ตรงไปตรงมา เล่นกลตัวเลขทำให้เกิดความเข้าใจด้วยการทำให้ตัวเลขจีดีพี. ดูดีกว่าที่ควรจะเป็น
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะอาจจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ยิ่งภาคธุรกิจ หากเข้าใจตัวเลขผิดๆ ก็อาจจะวางแผนธุนกิจผิดพลาดตามไปด้วย กรณีคล้ายๆ กันนี้เคยฟังนักวิชาการตั้งข้อสังเกตุปรากฏการณ์เกิดขึ้นในบางประเทศว่า การที่เศรษฐกิจประเทศนั้นโตแบบก้าวกระโดดด้วยตัวเลขจีดีพี 2 หลักติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี อาจจะเป็นการปั้นตัวเลขจีดีพีหรือไม่
กรณีนี้ถ้ามองอีกนัยหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะระบบการจัดทำข้อมูลไม่ทันสมัย ทำให้การคำนวณผิดเพี้ยนหรืออาจจะเป็นความตั้งใจของรัฐบาลประเทศนั้นเจตนาปั้นตัวเลชจีดีพีก็ได้ ไม่ต้องอื่นไกลบ้านเราบางยุคบางสมัย หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่คาดการณ์เศรษฐกิจบางหน่วยงาน ก็เคยถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า ตัวเลขจีดีพีที่นำเสนอต่อสังคม ดีเกินความเป็นจริงหรือไม่ จนถูกมองว่าแต่งตัวเลขเอาอกเอาใจรัฐบาลในยุคนั้น
อันทีจริงตัวเลขจีดีพีในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอย่างบ้านเรา ไม่ได้แสดงถึงความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคนว่าดีขึ้นอย่างเท่าเทียมกันแต่อย่างใด สิ่งที่ต้องคิดคือ จะทำอย่างไรให้เกิดการกระจายความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำมากกว่า
…………………………
คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง
โดย “ทวี มีเงิน”
สนับสนุนคอลัมน์ โดย : บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
![](https://k7ua1a.n3cdn1.secureserver.net/wp-content/uploads/2023/03/Better-for-You-728x160-2-1.jpg)