วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ภูมิใจไทย”งานงอก-พุธนี้…รอลุ้นอีก คดี“ศักดิ์สยาม”ถือหุ้นผ่าน...“นอมินี”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ภูมิใจไทย”งานงอก-พุธนี้…รอลุ้นอีก คดี“ศักดิ์สยาม”ถือหุ้นผ่าน…“นอมินี”

เดือนมกราคม ทำท่าจะเป็นช่วง “พระศุกร์เข้า-พระเสาร์แทรก” ทางการเมืองสำหรับ “พรรคภูมิใจไทย” (ภท.)

เพราะเดิมที “คนในพรรค” ต้องรอลุ้นกันว่า วันพุธกลางสัปดาห์หน้านี้ 17 ม.ค.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยคำร้องคดี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย-อดีตรมว.คมนาคม ที่โดนอดีต 54 สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านสมัยที่แล้ว ร้องว่า ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ที่เคยได้งานของกระทรวงคมนาคม ทำให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้น หรือกิจการของห้างหุ้นส่วน เป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4(1) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัย พุธนี้ 17 ม.ค.เวลา 14.00 น.

มีการคาดหมายกันว่า หาก “ศักดิ์สยาม” รอดจากคำร้องคดีดังกล่าว โดยศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง ก็ทำให้ในอนาคต หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้น “เนวิน ชิดชอบ” พี่ใหญ่แห่งตระกูล “ชิดชอบ” ก็อาจให้ “ศักดิ์สยาม” เข้าไปเป็นรัฐมนตรีใน ครม.แทน “พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ” รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งที่ผ่านมา ในการเป็นรมว.ศึกษาธิการ ต้องถือว่า ติดโผรัฐมนตรีโลกลืม คนไม่รู้จัก ที่ก็อาจเป็นเพราะ ไม่ใช่งานถนัดของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ที่เติบโตมาจากเป็นตำรวจสายสืบสวนสอบสวน แต่ต้องมาดูแลงานด้านการศึกษา เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตา “ชิดชอบ”

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ

ดังนั้น หาก “ศักดิ์สยาม” รอดในคดีนี้ ไม่มีมลทินการเมืองใดๆ แล้ว ที่จะตกเป็นเป้าให้ถูกโจมตีได้ ก็อาจทำให้ ปรับครม.ครั้งหน้า “ศักดิ์สยาม” คงเข้ามาเป็นรัฐมนตรีอีกรอบ แม้อาจจะต้องมาเป็นรมว.ศึกษาธิการที่ไม่ใช่งานถนัดก็ตามที

แต่หากเป็นตรงกันข้าม ถ้า “ศักดิ์สยาม” ไม่รอด แม้ตอนนี้จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จึงไม่ต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเป็นแค่ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ภูมิใจไทย แต่ก็จะทำให้ “ศักดิ์สยาม” ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีภายในสองปี นับแต่ศาลมีคำวินิจฉัย เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (8) บัญญัติว่า บุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีได้ ต้องไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม คือ “ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะเหตุกระทําการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือ 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง”

เนื่องจากกรณีของ “ศักดิ์สยาม” ฝ่ายค้าน (ขณะนั้น) ร้องว่า “ศักดิ์สยาม” มีหุ้นส่วนอยู่ใน ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น อันเป็นเรื่องต้องห้ามตามมาตรา 187 ที่บัญญัติว่า “รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทหรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไปตามจํานวนที่กฎหมายบัญญัติ และต้องไม่เป็นลูกจ้างของบุคคลใด”

ที่ก็ถือว่า หาก “ศักดิ์สยาม” ไม่รอดจริงๆ ผลที่ตามมาก็ไม่ได้รุนแรงอะไรทางการเมือง “ศักดิ์สยาม” ก็ยังเป็นสส.และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยต่อไป แล้วก็รอไป 2 ปี หากมีการปรับครม. ก็อาจค่อยกลับเข้ามาอีกรอบ

แต่ที่คนในพรรคอาจหวั่นใจก็คือ ฝ่ายค้านโดยเฉพาะ “พรรคก้าวไกล” อาจนำคำวินิจฉัยไปขยายผล ถ้าในคำวินิจฉัยกลาง เขียนทำนองว่า เชื่อว่า “ศักดิ์สยาม” ถือครองหุ้นอยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ผ่านนอมินี ก็ไม่แน่อาจมีการขยายผลด้วยการไปดูว่า จะหาช่องทางยื่นต่อป.ป.ช.เพื่อเอาผิดในประเด็น ปกปิดบัญชีทรัพย์สินฯได้หรือไม่ อันนี้ต่างหากที่ “คนในภูมิใจไทย” และ “บ้านใหญ่ตระกูลชิดชอบ” อาจหวั่นใจกันอยู่ เพราะหากโดนยื่นเรื่องนี้ แล้วป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนฯขึ้นมา เรื่องจะบานปลายหนัก ผลสะเทือนรุนแรง!!

แต่อย่างที่จั่วหัวไว้ข้างต้นว่า ช่วงนี้ “ภูมิใจไทย” อยู่ในช่วง “พระศุกร์เข้า-พระเสาร์แทรก” เพราะก่อนไปถึงการลุ้นคดีของ “ศักดิ์สยาม” กลางสัปดาห์หน้านี้ 17 ม.ค. ก็ปรากฏว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อ 11 ม.ค. “ภูมิใจไทย” ก็เจอ งานเข้า

เพราะ สส.ของพรรค ถูกคณะกรรมการการการเลือกตั้ง (กกต.) แจกใบแดง แถมไม่ใช่ผู้สมัครสส.สอบตกแต่อย่างใด แต่เป็นสส.ในสภาฯตอนนี้ด้วย นั่นก็คือ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย

โดย “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เบียดเอาชนะ “ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ” ลูกสาวนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ-อดีตส.ส.หลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ ไปได้แบบพลิกล็อก จนทำให้เครือญาติตระกูล บุณยเกียรติ เลยไปร้อง “กกต.จังหวัดนครศรีธรรมราช” และมีการส่งเรื่องไปยังกกต.กลาง จนสุดท้ายมีการให้ใบแดงดังกล่าว ด้วยข้อหาว่า แจกเงินให้ผู้มีสิทธิ์ไปลงคะแนนให้ตัวเอง หัวละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 25,000 บาท และแจกเงินให้ไปฟังการปราศรัย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุด เพราะ กกต.ต้องส่งสำนวนไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อไต่สวนคำร้อง โดยทาง กกต.และมุกดาวรรณ ก็ต้องสู้คดีในชั้นศาลต่อไป

ที่ต้องไม่ลืมว่า ก็มีหลายคดี ที่กกต.ให้ใบเหลือง-ใบแดงไป แต่สุดท้ายคนที่โดนก็มาชนะคดีในชั้นศาล ก็มีให้เห็นกันเยอะ ดังนั้นก็ต้องดูว่า ฝ่ายภูมิใจไทยจะเตรียมการสู้คดีให้กับ “มุกดาวรรณ” อย่างไร เพื่อให้ “ภูมิใจไทย” ยังคงรักษาเก้าอี้สส.นครศรีธรรมราช 1 เก้าอี้ไว้ได้ จากที่มีอยู่ 2 เก้าอี้ที่นครศรีธรรมราช

เพราะหากสุดท้าย ถ้า “มุกดาวรรณ” แพ้คดี ก็ต้องหลุดจากสส. ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่ง “ภูมิใจไทย” ก็เสี่ยงไม่น้อย ที่เสีย 1 ที่นั่งในภาคใต้ไป

ด้วยเหตุว่า หากมีเลือกตั้งซ่อม “ประชาธิปัตย์” ยุค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นหัวหน้าพรรค คงทุ่มสรรพกำลังเต็มที่ เพื่อทำให้ “ประชาธิปัตย์” ทวงคืนเก้าอี้สส.ภาคใต้ กลับมาให้ได้ เพื่อประกาศศักดา “หัวหน้าพรรคคนใหม่” แม้จะพบว่าตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา “ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ” แพ้เลือกตั้งขาดลอย โดยมาอันดับ 4 ตามหลัง “พลังประชารัฐ-ก้าวไกล” ด้วยซ้ำ

แต่เมื่อโอกาสมาถึง “ประชาธิปัตย์-เฉลิมชัย” คงสู้ขาดใจแน่ 

งานนี้ “ภูมิใจไทย” เลยเสี่ยง “งานงอก” ต้องมาเหนื่อย ในการรักษาเก้าอี้ไว้อีก

…………………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img