“แพลตฟอร์มต่างชาติ” รุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทย มีการพูดถึงเป็นระยะๆ เพราะ “ระบบหลังบ้าน” ของแต่ละแพตลฟอร์ม รู้ความต้องการการของสังคม ของประเทศนั้นๆ สามารถเก็บข้อมูลเอาไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะ กำหนดยุทธศาสตร์ชนิดแยบยล สร้างอิทธิพลเหนืออำนาจรัฐของประเทศไทย หรือประเทศนั้นได้ในหลายกรณี
แน่นอนด้านหนึ่งเครื่องมือเหล่านี้ ใช้สำหรับการสื่อสารที่เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมวลมนุษยชน และอีกด้านใช้เป็นเครื่องมือสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ไม่กล้าตอแยด้วย เพราะกลัวกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยังดีที่เห็น “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในขณะนั้น กล้าใช้อำนาจตั้งแท่นสั่งปิด “เฟซบุ๊ก” ผ่านการขออำนาจศาล
เพราะเฟซบุ๊กรับ “เงินโฆษณาจากเพจปลอม” โดยไม่ตรวจสอบ ปล่อยให้เพจเหล่านี้ต้มตุ๋นคนไทยจำนวนมหาศาล เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และเฟซบุ๊กเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนการหลอกลวงประชาชน
สุดท้ายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุบสภาฯ ประเด็นนี้กลายเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง แต่ก็นับเป็นประตูบานแรกที่รุกคืบต่อไป ขอปรบมือเชียร์ให้ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดีอีเอส ของ “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” สานต่อ
โดยตั้งหลักเปิดห้องเจรจากับ “แพลตฟอร์มต่างชาติ” ที่เปิดบริษัทประจำอยู่ประเทศไทย วางกติกาใหม่ให้ระบบหลังบ้านของทุกแพลตฟอร์มสกรีนถ้อยคำ ภาพ หรือเสียงทั้งหมดไม่ขัดต่อศีลธรรม วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ และกฎหมายของประเทศไทย
และทุกพรรคการเมือง ควรจับมือกับรัฐบาลหรือต่างฝ่าย ต่างเสนอกฎหมายจัดการกับแพลตฟอร์มต่างชาติ หากละเมิดกติกาตามที่ตกลงกันไว้
ไม่เช่นนั้นประเทศไทยคงเกิดคดี “แอดมินหื่น” เปิดกลุ่มไลน์ลับ 119 กลุ่ม มีสมาชิกกว่าหมื่นคน เข้าไปชมโชว์สื่อโป๊เด็กไทย-ต่างชาติ แม้เสียค่าสมัครดู 200 บาท รวมจ่ายรายเดือนอีก 50 บาท ยังมีสมาชิกยอมเสียเงินเข้าไปดู เพราะมี 1.7 หมื่นไฟล์สื่อลามกอนาจารเด็ก ให้เลือกชมตามรสนิยมของแฟนคลับ
“ตำรวจไซเบอร์” รวบ “แอดมินเจ้าของกลุ่มไลน์ลับ” ตั้งข้อหาความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก
ยังเจอความผิดฐานครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281/1 เพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจก ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือส่งออก หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ สื่อลามกอนาจารเด็ก
กรณีแบนนี้ “บริษัทไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด” ที่ประกอบธุรกิจหลักประเภท “ข้อมูลข่าวสาร-การสื่อสาร” โดยให้บริการด้านการบริการเป็น “ตลาดกลาง” ในการซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และประกอบธุรกิจหลักในการบริการให้พื้นที่เพื่อโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ ควรเข้าข่ายความผิดดังกล่าวด้วยหรือไม่ ในฐานะ “เจ้าของแพลตฟอร์ม” ที่สามารถควบคุมระบบหลังบ้าน บล็อกไม่ให้ผู้ใดโพสต์ผ่านแพลตฟอร์มของคุณ โดยไม่ทำผิดกฎหมายประเทศไทย
ฉะนั้นทุกแพลตฟอร์มสายพันธุ์ต่างชาติ ต้องปรับปรุงตัวเอง อย่างน้อยคำหยาบ ถ้อยคำไม่เหมาะสม คลิปหรือภาพ โป๊ะ ต้องไม่มีอีกต่อไป และรัฐไทยต้องออกกฎหมายมาบังคับไม่ให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย
…………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
