“กกต.”เดินตามหลังเหลี่ยม“ฮั้วเลือกสว.” กติกาเลือก“สว.”ระทึกส่อขัดรัฐธรรมนูญ

ล้มกระดานเลือก “สว.” เลือก “สว.” ตกเป็นโมฆะ เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ในวงการเมืองหยิบ ยกขึ้นมาพูดก่อนสมัคร “สว.” อีกว่า มีโอกาสเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยด้วยกัน

ไม่ว่าเป็นปัญหาเล็กๆ ที่กำลังก่อตัว โดยเจ้าหน้าที่เปิดให้ผู้สมัครลงผิดกลุ่ม เพราะเห็นว่ากลุ่มที่ตัวเองมีคุณสมบัติครบถ้วน มีคนแห่ลงสมัครเยอะ พยายามทุกช่องทางให้ลงสมัครในกลุ่มที่มีคนสมัครน้อย

อย่าง จ.สมุทรสาคร กลุ่ม 5 อาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ซึ่งประกาศ “กกต.” ว่าด้วยลักษณะอื่นในทำนองเดียวกันของกลุ่มอาชีพทำนา ระบุชัดเจนต้อง “เป็นเกษตรกรที่ปลูกพืชล้มลุก หรือธัญพืชอันเก็บเกี่ยวได้คราวเดียวหรือหลายคราวต่อปี” เป็นที่หมายตาของ “ขาใหญ่” ส่งคนมาลง เพราะจังหวัดนี้ไม่มีชาวนา

ปรากฎว่า “ชาวนาเกลือสมุทร” แห่สมัครกลุ่ม 5 ยาวเป็นหางว่าว โดยเจ้าหน้าที่ไฟเขียว อ้างมีมติ ครม. 54 กำหนดให้การทำนาเกลือสมุทรเป็นเกษตรกรรม นั่นหมายถึงผู้ทำนาเกลือสมุทรเป็นเกษตรกร

เปิดช่องให้คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เข้าไปช่วยเหลือหลังได้รับความเดือดร้อนจากอุทักภัยน้ำท่วมใหญ่

ปัญหาเกิดทันที ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามกลุ่ม 5 ซึ่งเกษตรกรตัวจริง บุก “กกต.ใหญ่” ร้องคัดค้าน

ผู้ทำนาเกลือสมุทร สมัครกลุ่ม 5 อ้างเจ้าหน้าที่ตีความฉ้อฉล ใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาคำสั่งทางปกครองไปล้มล้างกฎหมายเลือก “สว.” และรัฐธรรมนูญ

เพราะมติ ครม. ดังกล่าวเป็นแค่ “คำสั่งทางปกครอง” มีวัตถุประสงค์เฉพาะช่วยเหลือผู้ทำนาเกลือสมุทร ผ่าน “คชก.” พอไล่ลำดับศักดิ์คำสั่งปกครอง ต่ำกว่ากฎหมายเลือก “สว.” ฉะนั้นคำสั่งของเจ้าหน้าที่ เข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพอไล่เอกซเรย์เอกสารประกอบก่อนมีมติครม. พบว่ากระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า “ทำนาเกลือ” เป็นการทำเหมืองแร่

ผู้สมัครเกษตรกรตัวจริงยังตะลุยต่อ ฟ้องต่อศาลฎีกาผ่านศาลจังหวัดสมุทรสาคร ผลชี้ขาดออกก่อนเลือกระดับอำเภอ ปัญหาจบ แต่คำพิพากษาออกมาหลังเลือกระดับอำเภอ เป็นบวกต่อผู้ฟ้อง รับรองสะเทือนเลือกตั้งยกจังหวัด แต่ออกมาเป็นลบต่อผู้ฟ้องก็เปิดเกม

ยังมีปัญหาบางจังหวัด “กกต.” มีแนวโน้มตัดสิทธิ์ในอำเภอที่มีผู้สมัคร 1 คน เพราะกฎหมายกำหนดให้เลือกไขว้ เมื่อมีคนเดียว ก็ไม่ผ่านด่านนี้ แต่ “กกต.” ยังไม่กล้าชักใบแดงไล่ออกจากสนาม แจกใบแดงเมื่อไหร่ ผู้ถูกตัดสิทธิ์ร้อง “ศาลปกครอง” หรือ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” เพื่อทวงคืนความยุติธรรม

ลามไปถึงกติกา ประกาศ ระเบียบที่ “กกต.” บังคับใช้ ภายใต้กฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง “สว.” สุ่มเสียงขัดรัฐธรรมนูญ ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียข้างมาก 8 ต่อ 1 รับคำร้องผู้สมัคร “สว.” พิจารณากฎหมายลูก ว่าด้วยการได้มาซึ่ง “สว.” ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ

โดยผู้ร้องไล่ตีเป็นลูกระนาด ตั้งแต่การแนะนำตัว การเลือกระดับอำเภอ การเลือกระดับจังหวัด และเลือกระดับประเทศ ที่กำหนดให้ผู้สมัครแต่ละกลุ่มลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกินสองคน โดยเลือกตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกินหนึ่งคะแนนไม่ได้

ปกติขั้นตอนผ่านกฎหมายลูก ฝ่ายนิติบัญญัติสะเด็ดน้ำไฟเขียวผ่าน ตามขั้นตอนต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ สังเคราะห์อีกรอบว่าตรงเป๊ะกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก่อนประกาศใช้

แสดงว่า “กฎหมายลูก” ไม่มีปัญหา แต่ ประกาศ “กกต.” เกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน ส่อมีปัญหาสะท้อนว่ากติกาเลือก “สว.” แบบไต่ระดับขั้นบันไดที่ “กกต.” ประกาศสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ

หวั่นๆ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 2 เม.ย.49 เลือกตั้งสส.โมฆะ เพราะ “จัดคูหาเลือกตั้ง ที่ให้ผู้เลือกตั้งหันห้้าเข้าคูหาลงคะแนน หันหลังให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ละเมิดหลักการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ต้องลงโดยวิธีตรงและลับ”

แต่ละปม แต่ละปัญหา “กกต.” เคลียร์คัตไม่หมดจด กลายเป็น “งูกินหาง” พอผ่านระดับจังหวัด เข้าสู่รอบตัดเชือกระดับประเทศได้ “สว.” 200 คน แล้วปมเล็กปมน้อยที่เกิดขึ้นระดับอำเภอพ่นพิษใส่ “กกต.” โดยผู้ร้องในหลายอำเภอชนะ รับรองยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ กระทบเป็นวงกว้างทั้งประเทศส่อเป็นโมฆะได้

ฮั้วเลือก “สว.” ก็เป็นปัญหาใหญ่ แต่ละขั้วแต่ละฝ่ายที่วางเกม เซ็ตระบบจัดตั้งแนบเนียน ขั้วการเมืองในละจังหวัดรู้กันดีว่าผู้สมัครกลุ่มอาชีพต่างๆ เป็นคนของใคร แต่ขณะนี้ “กกต.” ท่องคาถาบทเดิม “ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นความจริง”

ทั้งหมดทั้งมวล “กกต.” กลายเป็นตำบลกระสุนตก ถูกวิพากษ์จัดเลือก “สว.”ไม่ “สุจริต-เที่ยงธรรม” ไม่ทันกลเกมฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ “บ้านใหญ่แต่ละจังหวัด” เหยียบหิมะไร้ร่องรอย และพรรคการเมืองคอยชักใยดึงวุฒิสภามาเป็นสาวก

เสริมแกร่งอำนาจกินรวบประเทศไทย !!

………………………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น