ในการขนย้ายสินค้า เช่น ขวดน้ำ กระป๋องเครื่องดื่ม กล่องขนม หรือสินค้าอื่นๆ ที่มีการซื้อขายครั้งละหลาย ๆ ชิ้นจำเป็นต้องมีพระเอกอย่างฟิล์มหดช่วยห่อหุ้มหรือรวมบรรจุภัณฑ์และสินค้าทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน เจ้า ‘ฟิล์มหด’ เรียกแบบอินเตอร์ว่า Shrink Film ตอนนี้เราลองมาทำความรู้จักเจ้าฟิล์มหดให้มากขึ้นกันดีกว่า
ทำไมต้อง “ฟิล์มหด”
เหตุผลที่ใช้ชื่อว่า ฟิล์มหด ก็เพราะว่า เมื่อฟิล์มที่ห่อสินค้าได้รับความร้อน จะเกิดการหดตัว แล้วรัดเข้ากับรูปทรงของสินค้าแบบเนียนๆ และแนบสนิท โดยมีคุณสมบัติที่เหนียว ยืดหยุ่น รองรับน้ำหนักได้มาก มีความใส และยังสามารถพิมพ์ลวดลายสวยๆ ได้อีกด้วย จึงเรียกได้ว่า เป็นพระเอกของการขนย้ายบรรจุภัณฑ์ที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยทีเดียว นอกจากนั้นฟิล์มหดยังช่วยรักษาคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ให้ยังคงใหม่เอี่ยม มั่นใจได้ว่า สินค้าจะไม่ถูกเปิดก่อนใช้ รวมถึงป้องกันรอยขีดข่วนจากการขนส่งได้อีกด้วย ฟิล์มหดนั้น ผลิตจากพลาสติกหรือพอลิเมอร์ ประเภทโพลิเอทิลีน (Polyethylene, PE) หลายชนิดมาผสมกัน ทำให้ฟิล์มหดมีคุณสมบัติที่หลากหลาย สามารถเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละผลิตภัณฑ์ และการใช้งานได้
“ฟิล์มหด” ก็รีไซเคิลได้
หลายคนอาจคิดว่า พลาสติกที่รีไซเคิลได้มีแต่ขวดน้ำดื่ม PET ใสๆ แต่จริงๆ แล้ว ฟิล์มหดสามารถนำไปรีไซเคิลได้เช่นกัน โดยกระบวนการไม่แตกต่างกันมาก เริ่มตั้งแต่การบดฟิล์มเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปล้างทำความสะอาด และผ่านกระบวนการหลอมด้วยความร้อน จนออกมาเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล PCR หรือ Post-Consumer Recycled Resin และที่สำคัญในกระบวนการผลิตเม็ดพลาสติกนี้ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย
กลับมาเป็น “ฟิล์มหด” ได้อีกครั้ง
เม็ดพลาสติกรีไซเคิล PCR นี้สามารถนำมาใช้ผลิตเป็นฟิล์มหดอีกครั้ง โดยเฉพาะเม็ดพลาสติกรีไซเคิล PCR คุณภาพสูงจากแบรนด์ อินโนอีโค (InnoEco) เกรด D021NF-50 ที่สามารถนำมาผลิตฟิล์มหดที่มีคุณสมบัติ ใส แข็งแรง ยืดหยุ่น และการหดตัวดี นอกจากนั้นยังขึ้นรูปง่าย และสามารถใช้ในกระบวนการผลิตฟิล์มในรูปแบบเดิมได้ ไม่สิ้นเปลืองพลังงานแต่อย่างใด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบสุดๆ
แม้ชื่อจะเรียกว่า “ฟิล์มหด” แต่ประโยชน์ไม่หดหายจริงๆ
