วันอังคาร, มีนาคม 19, 2024
หน้าแรกHighlightปรับให้ “บ้านเย็น” รับหน้าร้อน ประหยัดพลังงาน-ค่าไฟไม่บาน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ปรับให้ “บ้านเย็น” รับหน้าร้อน ประหยัดพลังงาน-ค่าไฟไม่บาน

ย่างก้าวเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งพื้นที่ไหนมีปัญหา “บ้านร้อน”  
แทนที่บ้านจะเป็นพื้นที่สร้างความผ่อนคลาย ก็อาจทำให้สมาชิกภายในบ้านหงุดหงิดอยู่ไม่ติดบ้าน แต่กลับต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเปิดกันทั้งคืนทั้งวันให้บ้านเย็นฉ่ำ และคงต้องผวากับค่าไฟที่แพงขึ้น วันนี้มีแนวทางและนวัตกรรมดี ๆ 

ที่น่าสนใจในการปรับปรุงให้ “บ้านเย็น” ซึ่งทั้งประหยัดพลังงาน ประหยัดเงินค่าไฟ และรักษาสิ่งแวดล้อมมาแนะนำ 

ความร้อนในบ้านส่วนใหญ่มักมาจากแสงแดดที่ส่งผ่านมาทางหลังคาและฝ้าเพดาน ตลอดจนผนังบ้าน 
การลดความร้อนให้บ้านอาจเริ่มด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างเช่นการติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อน” ป้องกันความร้อนที่ส่งผ่านเข้ามาในบ้าน รวมถึงช่วยสะท้อนรังสีความร้อนออกไปด้วย ซึ่งการติดตั้งฉนวนบริเวณโถงหลังคา จะช่วยลดความร้อนได้มากกว่าส่วนอื่น เพราะความร้อนกว่า 70% จะเข้าสู่ตัวบ้านจากหลังคา  

แต่หากต้องการตัวช่วยระบายภายในบ้าน เนื่องจากเจอปัญหาบ้านร้อนอบอ้าวอยู่ตลอดเวลา  การแก้ปัญหาที่ตรงจุดต้องใช้หลักการถ่ายเทอากาศที่เย็นกว่าจากภายนอก เพื่อระบายอากาศร้อนในบ้านออกจากหลังคา ซึ่งแก้ปัญหาได้ด้วย การติดตั้งนวัตกรรมการะบายอากาศ SCG Active AIRflow™ System  

นวัตกรรมที่ถูกคิคค้นมาเพื่อแก้ปัญหาบ้านอย่างตรงจุดและครบวงจร ที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยลืมปัญหาบ้านร้อนอบอ้าวไปได้เลย ตอบโจทย์ทั้งแนวคิดบ้านเย็นและบ้านประหยัดพลังงาน แถมยังช่วยลดการสะสมเชื้อโรคและความอับชื้น ลดความเสี่ยงของอาการภูมิแพ้อีกด้วย 

หัวใจสำคัญของ “SCG Active AIRflow™ System” คือ การสร้างสภาวะอยู่สบายภายในบ้านผ่านการทำงานโดยระบบอัตโนมัติ จาก 3 อุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ช่องเติมอากาศติดผนัง (Intake Air Grille),  ชุดระบายอากาศฝ้าเพดาน (Ceiling Ventilator หรือ CV) และ ชุดกระเบื้องระบายความร้อนในโถงหลังคา (Solar Roof Tile Ventilator หรือ SRTV) 

การติดตั้งระบบหลังคา โซลาร์ เอสซีจี (SCG Solar Roof Solutions) นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการทำบ้านเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่อยู่กันเป็นครอบครัวที่มีการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวัน 
ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 60% แล้ว ยังอาจเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้อีกด้วย สามารถเช็คลิสต์ได้ง่าย ๆ เพื่อตรวจสอบว่าบ้านเหมาะสำหรับการติดตั้ง SCG Solar Roof หรือไม่ ดังนี้  

1.ใช้ไฟช่วงกลางวันมากกว่ากลางคืน  

2.ค่าไฟฟ้าต่อเดือนสูงกว่า 3,000 บาท  

หากเช็คลิสต์ผ่านทั้งสองข้อ ขั้นตอนถัดไปเป็นหน้าที่ของทีมผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจี ในการตรวจเช็คสภาพหลังคา และโครงสร้างก่อนการออกแบบและติดตั้งอย่างละเอียด เพื่อประเมินความเหมาะสม มั่นใจในประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน เพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างหลังคา ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างสูงสุด  

การติดตั้งระบบหลังคา โซลาร์ เอสซีจี ไม่เพียงช่วยให้ประหยัดค่าไฟ แต่ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่สามารถนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด เพราะเหมาะกับการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในตอนกลางวัน และใช้งานเองเป็นหลัก แต่หากมีส่วนที่ใช้เหลือก็สามารถขายคืนได้ โดยการไฟฟ้าจะรับซื้อคืนที่ 2.20 บาท/หน่วย แถมยังช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น เนื่องจากสามารถดูยอดเงินที่ประหยัดได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน SCG Solar Solutions เพื่อติดตามผลการผลิตไฟฟ้าและแสดงผลเป็นยอดเงินได้แบบรายวัน รายเดือน และ รายปี เพื่อให้แน่ใจ ว่าระบบโซลาร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าลงทุนครั้งเดียวแต่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่างเลยทีเดียว

#SCG #SCGHOME #เอสซีจีโฮม #ผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้าน 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img