วันจันทร์, ตุลาคม 7, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSนายกฯคุยบิ๊กนักธุรกิจญี่ปุ่น เผย”ฮอนด้า-อีซู”จ่อลงทุนในไทยร่วม7หมื่นล้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯคุยบิ๊กนักธุรกิจญี่ปุ่น เผย”ฮอนด้า-อีซู”จ่อลงทุนในไทยร่วม7หมื่นล้าน

นายกฯคุยบิ๊กนักธุรกิจญี่ปุ่น เผย”ฮอนด้า-อีซู”จ่อลงทุนไทยร่วม 7 หมื่นล้าน ลั่นถ้ารัฐบาลอยู่ได้  4 ปีทุกโครงการก็สำเร็จ

เมื่อเวลา 16.30น. วันที่ 15 ธ.ค.(ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) ที่โรงแรมอิมพีเรียลโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเดินทางเยือนญี่ปุ่นวันแรก (15 ธ.ค.) ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าได้เจอนายไซโต เค็น (H.E. Mr. Saito Ken) รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งโดยตรงก็ได้แสดงความยินดีไปเขายังบอกว่าจะจดจำไว้ เพราะตนคือคนแรกที่ได้มาร่วมงานในตำแหน่งดังกล่าว ก่อนร่วมงานสัมมนากับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีนักลงทุนญี่ปุ่นร่วมรับฟังประมาณ 500 คน โดยยืนยันว่าประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กันยาวนาน และญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ลงทุนไปหลายล้านล้านบาทแล้ว โดยตนได้แจ้งถึงแนวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยว่าเราจะทำอะไรบ้าง ทั้งการลงทุนในกรีนเอนเนอจี  อิเล็กทรอนิกส์พาร์ท รวมถึงเมกกะโปเจกต์ต่างๆเช่นโครงการแลนด์บริดจ์ ก่อนพบกับ บริษัท มิตซุยกรุ๊ป

ที่เป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่สุดของญี่ปุ่น ได้พูดคุยถึงการสำรวจและขุดเจาะแหล่งก๊าชธรรมชาติ ที่เขาสนใจและชำนาญ และความเป็นไปได้ในการใช้นำน้ำมันพืชใช้แล้วมาทำเป็นน้ำมันเครื่องบิน และทั้งวันก็ได้พูดคุยกับ 7 บริษัทยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่น คือ บริษัทฮอนด้าที่เขาลงทุนในไทยเยอะมาก และมีแผนลงทุนในไทย 5 หมื่นล้าน ในอีก 5 ปี ซึ่งตนได้บอกไปว่าไม่ต้องห่วงเรื่องการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานสันดาบในรถยนต์ไปเป็นอีวี เราให้ความสำคัญ เพราะอีกหลายคนทำงานในบริษัทเครือข่ายยานยนต์ของญี่ปุ่น ตนพยายามเร่งให้เขาสร้างโรงงานกรีน เอนเนอจีและปลั๊กอิน-ไฮบริด ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ตนเคยแถลงไว้

นายกฯ กล่าวต่อว่า อีกบริษัทคือนิสสัน ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ เขาเข้ามาในรถอีวีก่อนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาคือ นิสสัน ลีฟ ก็ยืนยันว่าจะทำต่อเนื่องในเมืองไทย  ต่อมาคือมิตซูบิชิ ที่ทำรถกระบะเขาก็จะพัฒนารถกระบะอีวี ซึ่งรถกระบะเป็นรถที่ขายดีในไทยฉะนั้นการจะเปลี่ยนรถกระบะเป็นอีวีในไทยเพื่อพลังงานสะอาดถือเป็นปัจจัยสำคัญ ตนก็ได้เร่งให้เขาลงทุนให้เร็วขึ้น เพราะการเปลี่ยนจากสันดาบไปเป็นอีวีก็ค่อนข้างรวดเร็ว เขาจะใช้เราเป็นฐานในการส่งรถกระบะไปขาย อีกไม่กี่ปีก็จะเริ่มแล้ว 

นายเศษรษฐา กล่าวอีกว่า ตนยังได้คุยกับบริษัทซูซูกิ แม้เป็นบริษัทเล็กแต่อยู่ในไทยมานาน เขาทำอีโค่คาร์คือซูซูกิสวิฟ เขาขอให้เราส่งเสริมต่อ ตนก็ได้แนะนำให้ทำมอเตอร์ไซไฟฟ้า เพราะเมืองไทยขายดี พร้อมกันนี้ยังได้หารือกับบริษัท อีซุซุ ซึ่งเขาก็พร้อมลงทุนอีกประมาณ 32,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า  เพราะ  2 ปีที่ผ่านมาเขาลงทุนไป 2 หมื่นกว่าล้านบาท ฉะนั้น 32,000 กว่าล้านในระยะเวลา 5 ปี จึงถือว่าเยอะกว่าช่วงที่ผ่านมา

นายกฯ กล่าวอีกว่า จากนั้นได้หารือกับมาสด้า ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งรถไปขายประเทศต่างๆ เขามั่นใจว่ารถเอสยูวีของเรามีสมรรถนะที่ดีส่งขายยังต่างประเทศได้ บริษัทเหล่านี้พยายามลงทุนเพิ่มในไทย แรงงานของไทยพึ่งบริษัทเหล่านี้เยอะ และบริษัทสุดท้ายที่เจอคือโตโยต้า คือบริษัทที่ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่เมืองไทยมา 60 ปีแล้ว ประธานของบริษัทมาพูดคุยเองและเขาก็เคยอยู่เมืองไทยมาก่อน ถือว่าเข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดี ได้พูดคุยถึงการทำรถกระบะที่เขาขายดี คือโตโยต้าไฮลักซ์ โดยภายในปี 2025 เขาจะเริ่มผลิตแล้วแม้จะช้าไปนิด แต่เค้าผลิตเพียง 5,000 คัน ตนก็ได้ถามไปว่าทำไมผลิตน้อยจัง  ซึ่งสิ่งที่เขาเป็นห่วงคือสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ตนจึงได้ยืนยันไปว่าเราขยายเครือข่ายตรงนี้ไปมากไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน เขาก็จะกลับไปพิจารณา การเร่งผลิตรถกระบะอีวีให้เร็วขึ้น ทั้งนี้อีกส่วนของโตโยต้าเขาทำเรื่องไฟแนนซ์รถยนต์สอดคล้องกับการแก้หนี้ในระบบ หากเขาช่วยเราได้ในส่วนนี้ไม่ว่าจะเป็นการบีบดอกเบี้ยหรือปรับเบี้ยปรับ ก็ต้องรบกวนด้วย

นายกฯ กล่าวด้วยว่าสิ่งที่ตนได้พูดคุยในวันนี้คือการเร่งให้แต่ละบริษัทลงทุนอีวีให้เร็วขึ้น เพราะบริษัทเหล่านี้อยู่ในไทยมา 50 ปีถึง 60 ปีมีความเป็นไทยมองตาก็รู้ใจ  อีกอย่างคือพูดคุยถึงการใช้พลังงานสะอาดที่จะเป็นหัวข้อหลักในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในวันที่ 17 ธ.ค.

เมื่อถามว่าพอใจ กับการหารือกับนักธุรกิจญี่ปุ่นตลอดทั้งวันหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า พอใจมากเพราะญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่สำคัญของเรา และพูดจากันด้วยท่าทีที่ดี และเป็นมิตร ด้วยท่าทีที่ดี ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แต่เราก็พยายามให้เขาเร่งการลงทุนเข้ามา เพราะโลกเปลี่ยนไปมาก และบีโอไอได้มีการเตรียมข้อมูลไว้ก่อนอย่างดีมาก

เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าโอกาสในการหารือจะสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์ ในรัฐบาลชุดนี้ นายกฯกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลตน 4 ปีทุกโครงการก็สำเร็จ เพราะเขาจะเข้ามาเร็ว บางอันก็เข้ามาปีหน้าแล้วและขณะนี้บางเรื่องก็เริ่มการลงทุนแล้ว แต่อาจจะมีเรื่องของรถยนต์ไฮโดรเจน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าใช้ระยะเวลานานแค่ไหนแต่เรื่องอื่นก็กำลังดำเนินการอยู่.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img