วันศุกร์, กรกฎาคม 5, 2024
หน้าแรกNEWS"เจียรวนนท์" เสียแชมป์ให้ "อยู่วิทยา" ขึ้นแท่นอันดับ 1 มหาเศรษฐีไทย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เจียรวนนท์” เสียแชมป์ให้ “อยู่วิทยา” ขึ้นแท่นอันดับ 1 มหาเศรษฐีไทย

“เจียรวนนท์” เสียแชมป์ให้ “อยู่วิทยา” ขึ้นแท่นอันดับ 1 มหาเศรษฐีไทย อึ้ง! เศรษฐา ขึ้นนั่งนายกรัฐมนตรี ความมั่งคั่งมหาเศรษฐีไทยลดลงถึง 12%

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.67 นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) เผยแพร่วันนี้ (3 ก.ค.67) ระบุ 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024 พบว่า “เฉลิม อยู่วิทยา” ขยับขึ้นสู่อันดับ 1 หลังจากที่ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังมียอดขายมากกว่า 12,000 ล้านกระป๋องทั่วโลก ทำให้มหาเศรษฐีกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ที่รู้จักกันดีในนาม “เจ้าสัวซีพี” ที่ครองอันดับ 1 มายาวนานเกือบทศวรรษ หล่นลงมาอยู่อันดับ 2 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากหุ้นในบริษัท Ping An Insurance ของจีนที่ร่วงต่ำลง ส่งผลให้รายได้ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน ลดลงเหลือ 29,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

ประเด็นที่น่าสนใจ ฟอร์บส์ ระบุว่า หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังส่งผลให้ดัชนีหุ้นลดลง 15% นับตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อเนื่องไปถึงผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ความมั่งคั่งรวมของเหล่ามหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทย จึงลดลงเกือบ 12% เหลือเพียง 1.53 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.73 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2023

จากข้อมูลดังกล่าว เป็นผลให้มหาเศรษฐีของไทยจำนวน 39 รายในปี 2024 นี้ มีฐานะร่ำรวยน้อยลง โดยมีเพียง 7 รายที่มีแนวโน้ม “รวยสวนกระแสเศรษฐกิจ” จากกำไรของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรูปของค่าเงินดอลลาร์ ได้แก่

-อันดับ 1 เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว หุ้นส่วนของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าความมั่งคั่งเพิ่มตามไปด้วยเป็น 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์

-อันดับ 2 พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ หลังจากครองตำแหน่งอันดับ 1 มายาวนานเกือบทศวรรษ ล่าสุดพี่น้องตระกูลเจียรวนนท์แห่งกลุ่ม CP ได้ร่วงลงมาอยู่อันดับ 2 อันเป็นผลจากรายได้ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อน ลดลงเหลือ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้

-อันดับ 3 (ไม่เปลี่ยนแปลง) เจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ ต้องเผชิญกับความเป็นจริงอันโหดร้าย โดยความมั่งคั่งของเขาหายไปราว 1 ใน 4 ของมูลค่าในปีก่อน ทรัพย์สินหดตัวลงเพียง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้

-อันดับ 4 (ไม่เปลี่ยนแปลง) ตระกูลจิราธิวัฒน์ ถือเป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลที่ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในห้างสรรพสินค้า Selfridges อันโด่งดังในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยล่าสุดในปีนี้มีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ 9.9 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีก่อนราว 20%

-อันดับ 5 (ไม่เปลี่ยนแปลง) สารัชถ์ รัตนาวะดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของมหาเศรษฐีด้านพลังงานและโทรคมนาคม เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เขาเปิดตัวในการจัดอันดับเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ได้ลดลงในปีนี้เป็นครั้งแรกเหลือมูลค่าอยู่ที่ 9.2 พันล้านดอลลาร์

-อันดับ 6 (ขึ้นจากอันดับ 7)ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.8 พันล้านดอลลาร์ / 1.39 แสนล้านบาท จากความมั่งคั่งธุรกิจแพทย์ ผู้ร่วมก่อตั้งกรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS บริการโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 และยังเป็นเจ้าของธุรกิจสายการบินระดับภูมิภาคอย่างบางกอกแอร์เวย์ส ที่เข้าจดทะเบียนในปี 2557

-อันดับ 7 (ขึ้นจากอันดับ8) อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.6 พันล้านดอลลาร์ / 1.32 แสนล้านบาท เจ้าพ่อ King Power ร้านค้าปลอดภาษีที่ตั้งอยู่ในสนามบินชั้นนำในประเทศไทย และยังเป็นประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรฟุตบอลอังกฤษที่ครอบครัวของเขาได้เข้าซื้อและถือครองกิจการ รวมทั้งยังเป็นเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ของตึกมหานคร ซึ่งถือได้ว่าเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

-อันดับ 8 (ร่วงจากอันดับ6) วานิช ไชยวรรณ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.3 พันล้านดอลลาร์ / 1.21 แสนล้านบาท จากอดีตผู้ค้าข้าวผู้นั่งแท่นเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับสองของประเทศไทย

-อันดับ 9 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.2 พันล้านดอลลาร์ / 8.10 หมื่นล้านบาท เจ้าของธุรกิจโอสถสภา ที่มีอายุยาวนานถึง 133 ปี ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดของไทยและยังเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 ซึ่งเป็นที่ยอดนิยม

-อันดับ 10 ประยุทธ มหากิจศิริ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.15 พันล้านดอลลาร์ / 7.91 หมื่นล้านบาท เข้าพ่อเนสกาแฟ นอกจากนี้เขายังมีความสนใจในธุรกิจเหล็ก ทองแดง การขนส่ง การขุดเจาะนอกชายฝั่ง และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

สำหรับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ที่มีความมั่งคั่งลดลงมากในปีนี้ ได้แก่ “สมโภชน์ อาหุนัย” จาก Energy Absolute ซึ่งมีความมั่งคั่งลดลงถึง 2 ใน 3 ทำให้อันดับตกลงจากอันดับ 9 ในปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 32 ในปีนี้ ท่ามกลางราคาหุ้นที่ร่วงลงหนักเนื่องจากความกังวลเรื่องหนี้สินจากการขยายธุรกิจไปยังตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

ขณะที่ “อาลก โลเฮีย” แห่ง Indorama Ventures มีความมั่งคั่งลดลง 310 ล้านดอลลาร์ เหลือ 1.2 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยเป็นผลจากความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านปิโตรเคมีในจีนและยุโรปที่หดตัวลง–/–

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img