“ทนายษิทรา”แจงแล้วปมถูกกล่าวหาโกงเงิน 71 ล้านเตรียมเข้าแจ้งความกลับ 25 ต.ค.
วันที่ 24 ต.ค. 67 นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีที่มีกระแสข่าว ลูกความคนสนิทจากฝรั่งเศสแจ้งความทนายดังฉ้อโกง 71 ล้านบาท ที่สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่า น่าจะเป็นข้อเท็จจริง เพราะตนเพิ่งเห็นเอกสาร
ซึ่งต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ตนเคยได้รับการว่าจ้างให้ไปดูแลเกี่ยวกับธุรกิจทั้งหมดของ เจ๊ อ.อ่าง ทั้งที่ในประเทศไทยที่เขาจะนำเงินมาลงทุน และเรื่องศาลที่ฝรั่งเศส ตนก็ต้องเป็นคนจัดการด้วย โดยตอนนั้น เจ๊ อ.อ่าง ให้ค่าตอบแทนตนเดือนละประมาณ 300,000 บาท ซึ่งที่เราคุยกันนั้นเป็นเรื่องของระดับมหาเศรษฐีที่เขาร่ำรวยมาจากเป็นเงินสุจริต เมื่อก่อนเขาไม่ได้มีเงิน แต่เพิ่งถูกลอตเตอรี่หลักเกือบ 10,000 ล้านบาท
เมื่อถามว่า ยกระดับจากเดือนละ 300,000 บาท เป็น 71 ล้านบาทได้อย่างไร ทนายตั้ม กล่าวว่า ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่เห็นภาพตนไปต่างประเทศพร้อมกับครอบครัว นั่งเครื่องบินชั้นบิสสิเนสคลาสตลอดนั้น ตอนนั้นตนยอมให้ทัวร์มาลงว่าเป็นสีเทา เพราะไม่ต้องการบอกว่าลูกความของตนเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เพราะตนต้องการเซฟลูกความ ไม่ให้เป็นข่าว เพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัว ช่วงปีที่ผ่านมาตนไปต่างประเทศกับครอบครัว ถ้าบินอย่างเดียวหนึ่งครั้งไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ไม่รวมค่ากินอยู่ เพื่อไปดูแลเรื่องคดีของที่นู้น หรือเรื่องสัญญาที่ไปซื้อกิจการต่างๆ
ถึงแม้ตนจะเป็นทนายไทย แต่ เจ๊ อ.อ่าง ไม่ไว้ใจคนฝรั่งเศส เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีทนายไทย แม้ว่าตนจะพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เรามีล่าม ตนก็จะดูเรื่องกิจการว่าซื้อตรงนี้คุ้มหรือไม่คุ้ม ราคาควรอยู่ที่เท่าไหร่ ซื้อกันทีก็หลักร้อยล้านบาท ตนก็บินไปบินมาจัดการทุกอย่างให้ ทั้งการซื้อกิจการ ไม่ว่าจะที่ไหนก็แล้วแต่ เพราะคนรอบตัวเขาไม่ได้มีความรู้เรื่องธุรกิจ และเรื่องกฎหมาย ดังนั้นทุกอย่างอยู่ที่ตน แม้กระทั่งการพาไปโรงพยาบาลต่างๆ เรียกว่าดูแลแบบฟลูเซอร์วิส
อย่างไร ทนายตั้ม กล่าวว่า ทั้งนี้จะมีอยู่หนึ่งคนที่ตัวสำคัญตัวสำคัญคือ เลขาของ เจ๊ อ.อ่าง ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก่อนหน้านี้เพื่อนเขาก็ดีกับตน แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตนมีปัญหาระหองระแหงกับเพื่อนของเขาที่เป็นเลขา และมีเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้คุยกัน ต่อมาช่วงประมาณเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว เจ๊ อ.อ่าง ได้คุยกับตนว่า ตอนนี้เราก็เหมือนพี่น้องกันแล้ว ทำงานให้เขามาหลายอย่าง แล้วเขาไม่อยากให้เงินเดือนตนแล้ว ตนเลยบอกว่างั้นตนขอเงินก้อนหนึ่ง เพื่อนำมาให้กับครอบครัวดำเนินชีวิตและทำธุรกิจ แต่มีข้อตกลงว่าตนจะดูแลคดีที่ฝรั่งเศสและคดีที่ไทยให้เขาตลอดจนเสร็จ
เมื่อตนขอไปแบบนั้น เจ๊ อ.อ่าง ก็ตกลงให้ง่ายๆ เขาก็ถามว่าเท่าไหร่ ตนจึงบอกว่าตนจะต้องใช้ทุนประมาณ 2,000,000 ยูโร เขาก็บอกว่าไม่เยอะ เลยตกลงว่าจะโอนให้ แต่ต้องมีกระบวนการ ซึ่งก่อนหน้านี้คนคิดว่าจะเป็นไปได้เหรอที่อยู่ดีๆมีคนให้ 2,000,000 ยูโร ตนเลยบอกว่าเป็นเรื่องของระดับมหาเศรษฐี เพราะขนาดล่ามที่มาทำงาน กับเขาแค่ 1 ปีเขาให้เงิน 1,000,000 ยูโร แต่ตนเป็นทนายความดูแลทั้งหมด
ทนายตั้ม กล่าวว่า เจ๊ อ.อ่าง ตกลงจะให้ตน แต่ถ้าโอนให้ตนโดยตรงๆ จะต้องเสียภาษีที่ฝรั่งเศส 40% เพราะเป็นเงินที่ถูกลอตเตอรี่ การที่จะโอนมาจะต้องมีธุรกิจหรือทำอะไรก็แล้วแต่ เพื่อชี้แจงกับธนาคารที่โน้น เจ๊ อ.อ่าง ก็แจ้งตนมาแบบนี้ เพราะฉะนั้นตนเลยบอกว่าตนมีโปรเจ็คอยู่โปรเจคหนึ่งที่ตนสนใจจะทำอยู่ ตนจึงให้เขาทำหนังสือขึ้นมา และเขาก็เอาเอกสารสัญญาฉบับนี้ไปให้กับฝรั่งเศสเมื่อเดือน ก.พ. ปี 66 ทางนั้นเขาก็ตกลง และปี 66 เขาก็ส่งเงินมาให้ตน โอนมาให้ตนโดยเข้าบัญชีของเลขา เจ๊ อ.อ่าง ก่อน เพราะตอนนั้นตนยังไม่ได้ทะเลาะกับเลขา เจ๊ อ.อ่าง เราไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ไม่มีการทวงถามถึงแพลตฟอร์มอะไรต่างๆ เพราะเขาก็ไม่ได้คิดจะท เขารู้ดี
แต่ตอนมีปัญหากับเลขาฯเขา ทางเจ๊ อ.อ่างพูดกับตนมาว่ามาคำหนึ่งว่า ให้ไปเคลียร์กับเลขาฯที่เป็นเพื่อนเขาซะ แต่ตนก็มีอีโก้ จะให้ไปง้อหรืออะไรตนไม่ทำ หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหาเรื่อยมาตั้งแต่เดือน ม.ค.–ก.พ. ซึ่งเรื่องเงินมันได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และมีปัญหาเรื่อยมา จนมีทนายความส่งหนังสือมาว่าจะขอเงินคืน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องตามที่เขาอ้างมา เรื่องนี้เป็นการเต้าขึ้นมา เพื่อจะหาเรื่องดำเนินคดีตน
เมื่อถามว่า ตอนไปขอเงิน 2,000,000 ยูโร จาก เจ๊ อ.อ่าง ทนายตั้มบอกกับ เจ๊ อ.อ่าง ว่าอยากจะขอเงินสักก้อนมาทำทุนในการทำธุรกิจซักอย่างที่เป็นของตัวเอง ตอนนั้นบอกว่าจะทำธุรกิจอะไร ทนายตั้ม กล่าวว่า บอกไปหลายอย่าง แต่หนึ่งในอย่างที่ตนอยากจะทำ คือแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์ ซึ่งยืนยันว่าเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินที่โอนมา เพื่อร่วมลงทุน เป็นการทำสัญญาแค่ไปโชว์กับฝรั่งเศส ไม่ต้องเสียภาษีในการโอนเงิน โดยแจ้งกับทางฝรั่งเศสว่าจะทำธุรกิจสัญญาว่าจ้างพัฒนาระบบแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งวันนั้นมีการโอนมาทั้งหมด 3,000,000 ยูโร แต่เข้าบัญชีตน 2,000,000 ยูโร คิดเป็นเงินทั้งหมด 71 ล้านบาท
“ยืนยันว่าไม่มีใครเขาทำแพลตฟอร์มหวย 71 ล้านบาท มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นเพียงแค่การที่จะโอนเงินมาไทย โดยไม่ถูกหักภาษีจากฝรั่งเศสเท่านั้น เจ๊ อ.อ่าง เป็นคนที่เชื่อคนใกล้ตัวมาก และเขาเป็นคนดีมาก เขาทำบุญทีร่วม 10,000,000 บาทตลอด โอนไปนั่นไปนี่ เพราะเขาได้ดอกเบี้ยจากธนาคารแต่ละเดือนก็เป็น 10 กว่าล้าน เขาก็ใช้ไม่หมดแล้ว แต่ผมไม่ใช่คนประจบประแจง และไม่ใช่คนใกล้ตัวที่คุยกับเขาได้ตลอดทุกวันทั้งวัน ดังนั้นคิดว่าถ้าผมไม่มีประโยชน์ ทำไม่ได้ต่อไป ผมก็หยุดแค่นี้ ส่วนที่บอกว่าผมไปจ้างพัฒนาแอพฯ นั้นก็เป็นเรื่องโกหก ยืนยันได้เลยว่าไม่ใช่ความจริง” ทนายตั้ม กล่าว
ทนายตั้ม กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการแจ้งความดำเนินคดีตนที่ สภ.ปากช่องนั้น เป็นการพยายามหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ให้ตนเสียหาย และเชื่อว่าถ้าตนได้คุยกับ เจ๊อ.อ่าง จริงๆเรื่องนี้จบลงแน่นอน เพราะเขาไม่ได้อยากทำแบบนี้กับตน อย่างไรก็ตามเขาต้องถอนแจ้งความตน โดยไม่มีเงื่อนไข วันนี้ตนเกิดความเสียหาย มีคนไปลงภาพข่าวว่าตนหลอกเงินลูกความ ในวันพรุ่งนี้ (25 ต.ค.67) เวลา 10.00 น. ที่สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตนจะยื่นดำเนินคดีกับคนที่แจ้งความตน ในเรื่องของการแจ้งความเท็จ และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา เนื่องจากแจ้งความเท็จกล่าวหาว่าตนเองฉ้อโกงเงินลูกความ 71 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand”