วันเสาร์, พฤษภาคม 11, 2024
หน้าแรกHighlight“อาคม”เล็งคลอดแพกเกจเพิ่ม หนุนคนไทยใช้รถอีวี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อาคม”เล็งคลอดแพกเกจเพิ่ม หนุนคนไทยใช้รถอีวี

”อาคม”เผยรัฐบาลเตรียมออกมาตรการหนุนการใช้รถอีวีในประเทศเพิ่มเติม ทั้งการจัดตั้งสถานีชาร์จรถและการลดอัตราค่าไฟสำหรับรถอีวี คาดได้ข้อสรุปในปีนี้ ด้านโตโยต้าโดดลงนามกับกรมสรรพสามิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลง ระหว่างกรมสรรพสามิตกับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทฯ มีแผนงานที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า รุ่น bZ4X โดยจะได้รับสิทธิลดอากรศุลกากร ลดภาษีสรรพสามิตและรับเงินอุดหนุน เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้บริโภคให้สามารถเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่จับต้องได้

นายอาคม เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลออกมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ภายในประเทศแล้ว ขณะนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม อาทิ การส่งเสริมสถานีชาร์จไฟฟ้าของรถอีวี และ อัตราค่าใช้ไฟฟ้าสำหรับยานยนต์อีวี เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทโตโยต้ามีแผนงานที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น bZ4X โดยจะได้รับสิทธิลดอากรศุลกากร ลดภาษีสรรพสามิตและรับเงินอุดหนุน เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้บริโภคให้สามารถเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่จับต้องได้

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า มาตรการเพิ่มเติมสำหรับการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวีในประ เทศนั้น ขณะนี้ ทางคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางสนับสนุนที่ครบวงจร คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในปีนี้อย่างแน่นอน

สำหรับมาตรการทางภาษีและเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการใช้รถอีวีในประเทศนั้น มีอายุ 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปีนี้ถึงสิ้นปี 2568 ทำให้ราคารถอีวีลดลงสูงสุดถึง 3 แสนบาทต่อคัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากการที่ภาครัฐได้ออกมาตรการภาษีและเงินอุดหนุน ได้ส่งผลให้มีผู้ประกอบอุตสาหกรรมลงนามในข้อตกลงกับกรมสรรพสามิตแล้ว จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด/บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

โดยมียอดจองรถยนต์ไฟฟ้าที่ขอรับสิทธิตามมาตรการฯ รวมกันทั้งสิ้นกว่า 5,000 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ไฟฟ้า GWM รุ่น ORA GOOD CAT และ MG รุ่น MG EP และ MG ZS

นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้เข้าร่วมมาตรการฯ มียอดจองกว่า 600 คัน ประกอบด้วย VOLVO มียอดจองจำนวน 385 คัน BMW มียอดจองจำนวน 112 คัน MINI มียอดจองจำนวน 58 คัน Porsche มียอดจองจำนวน 58 คัน Nissan มียอดจองจำนวน 19 คัน Audi มียอดจองจำนวน 10 คัน และ TAKANO มียอดจองจำนวน 6 คัน

จากสถิติที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อการปรับตัวของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ และก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ตามแนวทางที่รัฐบาลวางรากฐานไว้ รวมถึงการบรรลุเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ZEV (Zero Emission Vehicle) โดยเฉพาะเป้าหมายการผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์กระบะในปี 2030 (พ.ศ. 2573) คิดเป็นร้อยละ 30 ของกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศ

สำหรับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีแผนงานที่จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า รุ่น bZ4X โดยจะได้รับสิทธิการลดอากรศุลกากร การลดภาษีสรรพสามิต และการรับเงินอุดหนุน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้บริโภคตามที่ได้กล่าวข้างต้น

ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2565 จะมีบริษัทผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ BEV เข้าร่วมลงนามในข้อตกลงเข้าร่วมมาตรการฯ กับกรมสรรพสามิตอีกไม่น้อยกว่า 5 ราย โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการลงนามกับค่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอีก 2 แห่ง คือ เดมโปกรีน และ เอดิสัน ซึ่งเป็นค่ายรถของคนไทย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img