บอร์ดอีวีถกประชุมกรกฎาคมนี้ ลุ้นพิจารณา 2 มาตรการหนุนสถานีชาร์จอีวี- ทบทวนอัตราค่าไฟฟ้าโลว์ ไพออริตี้ 2.60 บาทต่อหน่วยจูงใจนักลงทุน จับตาบีโอไอคลอดมาตรการส่งเสริมลงทุนแบตเตอรี่อีวี
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ในเดือนกรกฎาคมนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะมีการหารือถึงความคืบหน้ามาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (แพคเกจอีวี) ระยะ 4 ปี (2565-68) ที่การสนับสนุนการนำเข้าช่วง 2 ปีแรกและกำหนดให้ลงทุนผลิตใน 2 ปีหลัง
โดยปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลใช้งบอุดหนุนวงเงิน 3,000 ล้านบาท เพื่อออกส่วนลดสำหรับประชาชนในซื้อรถบีอีวีและแซดอีวีไม่เกิน 1.5 แสนบาทต่อคัน นอกจากนี้ยังลดภาษีสรรพสามิตและอากรนำเข้า ซึ่งแพคเกจนี้กรมสรรพสามิตเป็นผู้รับผิดชอบ คาดว่าจะมีการรายงานความคืบหน้าค่ายรถที่ร่วมมาตรการ และแนวโน้มค่ายรถที่เตรียมเข้าร่วมในปีนี้ และปีถัดไป โดยไทยตั้งเป้าหมายผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 100% ให้ได้ 30% ภายในปี ค.ศ. 2030
ส่วนของ สนพ. อยู่ระหว่างการนำเสนอมาตรการส่งเสริมเพิ่มเติมได้แก่ 1.มาตรการสนับสนุนเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ในเรื่องอัตราค่าไฟฟ้าโลว์ ไพออริตี้ ปัจจุบัน 2.60 บาทต่อหน่วย สำหรับผู้ประกอบการสถานีอัดประจุไฟฟ้าต่อเนื่อง ซึ่งที่ประชุมบอร์ดอีวี เห็นชอบการขยายอัตราค่าไฟฟ้าถึงปี 2568
ทั้งนี้ ต้องดูว่าจะเพิ่มอัตราค่าไฟหรือไม่ เพื่อจูงใจผู้ลงทุนสถานีชาร์จ รวมถึงด้านสิทธิประโยชน์สำหรับกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า และได้มอบหมายสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พิจารณา อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังให้จัดทำแพลตฟอร์มกลางอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมาตรการและวิธีการอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มผู้อยู่อาศัยในอาคารชุด คอนโดมิเนียม
2.มาตรการสนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า สิทธิประโยชน์การลงทุน และการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยบีโอไอและกรมสรรพสามิตพิจารณา