วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกHighlight“อินโนพาวเวอร์”รุกลงทุนรง.ประกอบอีวี ตอบโจทย์ที่ปรึกษาลดคาร์บอนครบวงจร
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อินโนพาวเวอร์”รุกลงทุนรง.ประกอบอีวี ตอบโจทย์ที่ปรึกษาลดคาร์บอนครบวงจร

อินโนพาวเวอร์ ปั้นธุรกิจใหม่ลงทุนโรงงานประกอบอีวีในไทย เตรียมเปิดตัวพันธมิตรต่างชาติ พร้อมลงทุนเฟสแรกกว่า 500 ล้านบาท วางเป้ารายได้ธุรกิจให้คำปรึกษาลดคาร์บอนปีนี้ 300 ล้านบาท ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ระดับ 2 ล้านตัน

นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า กำลังศึกษาโครงการลงทุนตั้งโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ร่วมกับพันธมิตรต่างชาติ โดยแผนการลงทุนจะชัดเจนเร็วๆนี้ พร้อมเปิดตัวพันธมิตรและเดินหน้าโครงการในไตรมาส 2 เฟสแรกลงทุน 400-500 ล้านบาท

ทั้งนี้การลงทุนโครงการอีวีเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของบริษัทที่เป็นผู้ให้คำปรึกษา วางกลยุทธ์ และบริหารจัดการเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบครบวงจร ซึ่งการลดการปล่อยคาร์บอนฯต้องมุ่งไปที่การใช้พลังงานและการขนส่งของแต่ละบริษัท เพราะมีสัดส่วนการปล่อยคาร์บอนมากที่สุดกว่า 70% ดังนั้นโรงงานประกอบรถอีวีที่จะเกิดขึ้นจะมาตอบโจทย์การทำธุรกิจครบวงจรของอินโนพาวเวอร์ เพื่อจัดหารถอีวีให้ลูกค้าเข้าสู่การลดการปล่อยคาร์บอนตามเป้าหมาย

ในส่วนของจำนวนลูกค้าของบริษัทในขณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีนี้จะเพิ่มเป็น 100 รายจาก 80 รายในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในทุกอุตสาหกรรมทั้งสถาบันการเงินไปจนถึงโรงงานผลิตสินค้า เพราะทุกองค์กรต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อม และต่างกำหนดเป้าหมาย Carbon Neutrality และก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รับมือกับมาตรการข้อกีดกันทางการค้า และสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ถือเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่คาดว่าจะเติบโต 100% ทะลุ 300 ล้านบาทในปีนี้จาก 150.4 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังวางเป้าหมายลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็น 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1 ล้านตัน

สำหรับการดำเนินธุรกิจครบวงจรของบริษัทปัจจุบัน ประกอบด้วย 1.Greenhouse Gas Report (GHG) หรือแพลตฟอร์ม GHG สำหรับคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ผู้ประกอบการสำรวจธุรกิจของตนเองว่ามีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับใด เพื่อไปสู่แผนการดำเนินโครงการให้ถึงเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งในช่วงนี้แพลตฟอร์ม GHG จะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการได้ใช้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

2.Renewable Energy Certificate (REC) หรือแพลตฟอร์มสนับสนุนการขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ออกใบรับรอง REC ให้กับผู้ประกอบการไปแล้วกว่า 2 ล้านREC ในปี 2567 ได้ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยขยายการออกใบรับรองให้กับประชาชนครั้งแรก เช่น บ้านเรือนที่ติดโซลาร์บนหลังคา เป็นต้น รวมถึงผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยต่ำกว่า 3 เมกะวัตต์

3.Energy Ignition Ventures (EIV)  หรือการลงทุนในกองทุนและสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ร่วมกับ TRIREC ธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital) จากสิงคโปร์ โดยมีแผนการลงทุนในสตาร์ทอัพกลุ่ม Decarbonization Technology ซึ่งในเรื่องความยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะธุรกิจพลังงานเท่านั้น ยังกระจายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ด้วย โดยตั้งเป้าหมายกองทุน EIV ในการระดมทุนไว้เบื้องต้นที่ประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 60% จะมาจากธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ในการให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมทางด้านพลังงานโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด และ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการให้คำปรึกษา การบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนในองค์กร และการจัดหาซื้อขายใบรับรอง REC และสัดส่วน 40% เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับยานยนต์แห่งอนาคต เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านยานยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์เชื้อเพลิงสะอาด เช่น อีวี แต่ในปีนี้สัดส่วนของพลังงานแห่งอนาคตจะเพิ่มเป็น 67% และยานยนต์แห่งอนาคต 33% อย่างไรก็ตามในระยะยาวก็มองไปที่เชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วย แต่จังหวะการลงทุนต้องเหมาะสมทั้งราคาและโครงสร้างพื้นฐานที่จะมารองรับ

บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (INNOPOWER Company Limited) เกิดจากความร่วมมือของ 3 พันธมิตรด้านพลังงานไฟฟ้า ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img